ลำปาง 29 พ.ย.- กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชจะปล่อย “น้องทับเสลา” ลูกช้างป่าหลงโขลงที่นำมาอนุบาลไว้ กลับคืนสู่ป่าอย่างเต็มรูปแบบพรุ่งนี้ หลังจากที่ทดลองปล่อยอิสระแบบจำกัดพื้นที่แล้วพบว่า หากินคู่กับแม่รับได้เป็นอย่างดี หวังให้เข้าโขลงที่หากินบริเวณใกล้เคียงได้ ซึ่งจะนับเป็นความสำเร็จสำเร็จครั้งสำคัญ
นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชกล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (30 พ.ย.) จะปล่อยคืน “น้องทับเสลา” ลูกช้างป่าหลงโขลงที่นำมาอนุบาลไว้ คืนสู่ธรรมชาติอย่างเต็มรูปแบบ โดย “น้องทับเสลา” เป็นช้างป่าเพศเมียซึ่งพลัดหลงโขลงในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานี ขณะนั้นลูกช้างอายุประมาณ 2-3 เดือน เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ พบเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2563 จึงดูแลระหว่างรอให้โขลงมารับแต่ไม่ได้พบกับโขลง จากนั้นจึงนำมาอนุบาลที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จนกระทั่งวันที่ 13 พฤศจิกายน2563 จึงเคลื่อนย้ายมาดูแลและปรับพฤติกรรมเพื่อจะได้นำไปปล่อยคืนสู่ป่าตามธรรมชาติในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยผาเมือง จังหวัดลำปาง โดยทำคอกอนุบาลบริเวณหน่วยพิทักษ์ป่าหัวทุ่ง ท้องที่อำเภอห้างฉัตร มีผู้ดูแลตลอด24 ชั่วโมง
ทั้งนี้กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้รับความอนุเคราะห์ช้างแม่รับ (พังวาเลนไทน์) จากมูลนิธิคืนช้างสู่ธรรมชาติในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการจัดแม่ช้างมาเป็นช้างแม่รับ โดยคัดมา 4 ตัวปรากฏว่า “น้องทับเสลา” เข้าหากันได้ดีกับ “แม่วาเลนไทน์” ที่คอยสอนลูกช้างป่าเรียนรู้และซึมชับพฤติกรรมการดำงชีวิตได้เองตามธรรมชาติมาโดยตลอด
นายรัชฎากล่าวว่า ขณะนี้ “น้องทับเสลา” อายุ 2 ปี 11 เดือน ซึ่งได้ปล่อยให้ทดลองหากินกับแม่รับอย่างจำกัดพื้นที่อยู่บริเวณป่าอ่างเก็บน้ำแม่ยาว เนื้อที่ประมาณ 500 ไร่ โดยผูกโซ่ยาวทั้ง 2 ตัวบริเวณเดียวกันภายในรั้วไฟฟ้าที่เป็นกระแสไฟฟ้าอ่อน ลูกช้างป่าสามารถเลียนแบบพฤติกรรมช้างแม่รับในการดำรงชีวิตในป่าธรรมชาติไต้ดี กินพืชอาหารในธรรมชาติเป็นหลัก บางครั้งเสริมหญ้าบาน่า กลัวย วิตามินบี วิตามินซี และยาบำรุงตับตามคำแนะนำของสัตวแพทย์
ทั้งนี้ลูกช้างป่ามีขนาดใหญ่ขึ้น มีความต้องการอาหารและพื้นที่อยู่อาศัยในการดำรงชีวิตมากขึ้น ขณะที่พืชอาหารช้างบริเวณที่ล้อมรั้วไฟฟ้ามีปริมาณที่รองรับได้ไม่เกิน 1 สัปดาห์ นอกจากนั้นมีโขลงช้างของคืนช้างสู่ธรรมชาติฯ หากินอยู่บริเวณใกล้เคียงทำให้ข้างแม่รับทำลายรั้วไฟฟ้าเพื่อพยายามเข้าร่วมโขลง จากการตรวจสุขภาพล่าสุดพบว่า ร่างกายของทั้งลูกช้างและช้างแม่รับสมบูรณ์แข็งแรงและไม่มีเชื้อโรคที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ดังนั้นจึงเห็นว่า เป็นโอกาสที่เหมาะสมที่จะปลดโซ่ช้างแม่รับและลูกช้างป่าคืนสู่ป่าธรรมชาติในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยผาเมือง
สำหรับวิธีการปล่อย เจ้าหน้าที่จะนำ “น้องทับเสลา” และ “แม่วาเลนไทน์ไปไว้ภายในรั้วไฟฟ้าที่ติดตั้งไว้ในป่า เหนืออ่างเก็บน้ำแม่ยาว ห่างจากหน่วยพิทักษ์หัวทุ่งประมาณ 3 กิโลเมตร แล้วปลดโซ่ล่ามบริเวณข้อเท้าของออกเพื่อให้สามารถเดินเข้าป่าหากินอาหารตามธรรมชาติได้อย่างเป็นอิสระ จนกระทั่งอาหารในรั้วไฟฟ้าใกล้หมด จะเปิดช่องทางให้ช้างแม่รับนำลูกข้างป่าออกจากพื้นที่รั้วไฟฟ้า เพื่อเข้าไปหากินในธรรมชาติกลางป่าดอยผาเมือง โดยคาดว่า หากลูกช้างป่าและช้างแม่รับออกหากินในป่าธรรมชาติ จะมีโอกาสพบกับโขลงช้างป่าและอาจเข้าอยู่ร่วมกับโขลงช้างป่าได้
หลังจากลูกช้างป่าและช้างแม่รับเข้าป่าแล้ว จะให้จัดเจ้าหน้าที่เข้าติดตามอย่างต่อเนื่อง โดยติดตามจากเครื่องติดตามสัตว์สัญญาณดาวเทียม (GPS – Colar) ที่ติดตั้งไว้กับคอช้างแม่รับ เจ้าหน้าที่จะถ่ายรูปและถ่ายวิดีโอ สังเกตสุขภาพ พร้อมทั้งจดบันทึกพฤติกรรมต่างๆ ของลูกช้างป่าที่อยู่ร่วมกับช้างแม่รับ รวมถึงการเข้าโขลงอย่างต่อเนื่องจนกว่าลูกช้างป่าจะอยู่ได้เองในป่าตามธรรมชาติซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชและเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญ.-สำนักข่าวไทย