กรุงเทพฯ 26 พ.ย. – ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงจับ “แก๊งเจ๊พลอย ชลบุรี” เปิดเพจหลอกจำนำรถยนต์ขายทอดตลาด ยึดรถของกลาง 64 คัน
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงผลการจับกุม “แก๊งเจ๊พลอย ชลบุรี” เปิดเพจหลอกจำนำรถยนต์ขายทอดตลาด ตรวจยึดรถของกลางได้ 64 คัน โดย พล.ต.ท.จิรภพ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา มีผู้เสียหายจำนวนมากมาร้องทุกข์ที่กองบังคับการปราบปราม ว่า มีกลุ่มคนร้ายเปิดเพจรับจำนำรถ 3 เพจ โดยคิดดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด คือ ร้อยละ 10 ต่อเดือน และร้อยละ 20 ต่อปี มีการหักดอกเบี้ยตั้งแต่งวดแรก ร้อยละ 10 โดยต้องจ่ายดอกเบี้ยทุก 30 วัน แต่เมื่อเจ้าของรถนำเงินไปปิดยอดทั้งหมด กลับไม่ได้รถคืน ซึ่งมีรถหลายคันที่กลุ่มผู้ต้องหานำไปขายต่อ เป็นการซ้ำเติมประชาชนผู้มีรายได้น้อย ที่ตำรวจต้องกวาดล้างจับกุมให้สิ้นซาก จึงสั่งการให้กองบังคับการปราบปรามดำเนินการตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้น
จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหาแก๊งดังกล่าวเริ่มก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 2562 ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี เมื่อมีผู้เสียหายที่ไม่ได้รถคืนกว่า 130 คัน จึงรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหา 6 คน และขอหมายศาลเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 7 จุด ในจังหวัดนนทบุรี ที่ผู้ต้องหานำรถไปซุกซ่อน พบรถของผู้เสียหาย 64 คัน ในจำนวนนั้นมีรถที่ถูกแจ้งหายไว้ 22 คัน
พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยว่า คดีนี้เข้าข่ายเป็นการยักยอกทรัพย์เป็นปกติธุระ กระทำซ้ำซากอย่างต่อเนื่อง และเป็นขบวนการ จากผู้เสียหายหลายราย จึงเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงิน ที่สามารถยึดทรัพย์ผู้กระทำความผิดได้ กองบังคับการปราบปรามจึงจะรวบรวมคดีที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหารายนี้มาทำคดีเองทั้งหมด เพื่อขุดรากถอนโคนแก๊งนี้
ด้าน พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม เปิดเผยว่า ผู้ที่มาซื้อรถต่อจากกลุ่มผู้ต้องหารายนี้ ถือว่ามีความผิดฐานรับของโจร เพราะซื้อรถต่อไปในราคาถูกกว่าความเป็นจริง น่าจะรู้อยู่แก่ใจว่ารถได้มาอย่างไม่ถูกต้อง อ้างไม่ได้ว่าไม่รู้เรื่อง
ซึ่งการแถลงข่าวครั้งนี้ มีผู้เสียหายหลายรายมาติดต่อขอรับรถคืน ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ดีใจที่ได้รถคืน เพราะไม่คิดว่าจะได้รถคืนแล้ว เนื่องจากก่อนหน้านี้ หลังจากที่นำเงินไปปิดยอด ก็พยายามติดตามทวงรถคืนอยู่นาน แต่ผู้ต้องหาก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมคืนรถให้ ส่งผลให้ไม่มีรถไปทำมาหากิน หรือใช้ในชีวิตประจำวัน เพราะส่วนใหญ่เป็นรถคันเดียวในชีวิตที่มีอยู่ จึงขอขอบคุณตำรวจที่ช่วยติดตามรถมาคืนให้ได้ในที่สุด. – สำนักข่าวไทย