กรุงเทพฯ 21 พ.ย. – ปปง.เผยอายัดทรัพย์คดี MORE กว่า 5 พันล้านบาท 34 รายการ เป็นบัญชีฝ่ายขาย ตรวจสอบธุรกรรม หากพบไม่ผิด ก็จะยกเลิกอายัด แต่หากผิดจริงจะดำเนินคดีทางแพ่ง
พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า เช้านี้ว่าทาง ปปง. ได้มีคำสั่งให้บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ที่เกี่ยวข้อง และได้รับความเสียหายจากกรณีหุ้นบริษัท มอร์ รีเทิร์นจำกัด (มหาชน) หรือ MORE ดำเนินการอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับกรณีที่เกิดขึ้นรวม 34 รายการ พร้อมดอกผล มีระยะเวลาภายในไม่เกิน 90 วัน เป็นบัญชีฝ่าย ขาย รวมวงเงินประมาณ 5 พันล้านบาท ซึ่งขั้นตอนต่อไปรอทางตำรวจทำคดี และหากบุคคลรายใดมีการชี้แจงที่ชัดเจน ทาง ปปง.ก็จะถอนอายัด อย่างไรก็ตาม หากมีรายใดต้องถูกดำนินคดีฐานฉ้อโกง ทาง ปปง.ก็จะส่งฟ้องทางแพ่งต่อไป ส่วนจะถูกดำเนินคดีอาญา หรือไม่นั้นก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฏหมายอื่นๆ ไม่ใช่ กฏหมาย ปปง. โดยการที่ ปปง.สั่งอายัดบัญชีอย่างรวดเร็วก็เนื่องจากเห็นว่าเป็นคดีที่กระทบความเชื่อมั่นระดับกว้างกระทบการลงทุน ซึ่งจะต้องเรียกความมั่นใจของประชาชนให้กลับมาโดยเร็วว่าทุกฝ่ายพร้อมร่วมมือในการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น
“ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังโบรกเกอร์ไปร้องตำรวจสอบสวนกลาง แล้วตรวจสอบธุรกรรมพบว่ามีส่วนเชื่อมโยงที่น่าจะเกี่ยวข้องการกระทำผิด 34 บัญชี กว่า 5 พันล้านบาท หากไม่ระงับธุรกรรมอาจจะเสียหายร้ายแรง กระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศและความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ทางรักษาการเลขาธิการปปง.เลยพิจารณาออกคำสั่งระงับการทำธุรกรรมวันนี้ แต่ผมไม่ทราบว่าบัญชีบุคคลเหล่านี้บอร์ดใน MORE หรือไม่เป็นการอายุดตามที่พนักงานสอบสวนส่งมา ว่าอาจเกี่ยวข้องการกระทำความผิดหรือมีธุรกรรมเกี่ยวโยงกันจึงขอให้ระงับธุรกรรมเสียก่อนในระหว่างการสอบสวน”พล.ต.ต.เอกรักษ์ กล่าว
พล.ต.ต.เอกรักษ์ กล่าวว่า การอายัด 34 บัญชีนี้ เป็นบัญชีโบรกเกอร์ฝ่ายขาย เพียงอย่างเดียว เนื่องจากหุ้นอยู่ที่โบรกเกอร์ฝั่งซื้อ แต่เงินอยู่โบรกเกอร์ฝั่งขาย ดังนั้น จึงอายัดเงินที่โบรกเกอร์ฝั่งขาย และจะยังไม่จ่ายเงินแก่ผู้ขายจนกว่าการสอบสวนจะแล้วเสร็จ ซึ่งบัญชีที่ถูกอายัดนี้ เป็นบัญชีรายใหญ่ เกือบทั้งหมด จะอายัดนานแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับการสอบสวนของ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ( บก.ปอท.) หากพบการกระทำผิดและเจ้าของบัญชีชี้แจงไม่ได้ เป็นความผิดฐานฉ้อโกง เป็นเรื่องพื้นฐานที่ ปปง.ใช้ดูแลป้องกันการฟอกเงิน ทาง ปปง.จะส่งอัยการเพื่อดำเนินคดีทางแพ่ง และส่งศาลฯจะพิจารณาต่อไป โดยหากศาลไต่สวนหากไม่พบความผิดก็จะยกเลิกการอายัด แต่หากพบว่ามีการดำเนินการที่ผิดกฏหมาย ศาลก็อาจมีคำสั่งให้คืนทรัพย์ คืนหุ้นให้ผู้ขาย-ผู้ซื้อ ส่วนจะมีการดำเนินคดีทางอาญาหรือไม่นั้นก็ขึ้นกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องใช้กฏหมายอื่นมาดำเนินการ
“วันนี้ ตลาดหลักมรัพย์ฯ ปลดSP หุ้น MOREหากไม่อายัดบัญชีอาจจะกระทบรุนแรง กลัวหุ้นตัวอื่นตกไป ด้วย ตลาดหลักทรัพย์ฯ.อยู่ด้วยความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เข้ามาซื้อขายหลักทรัพย์ มี บจ.อยู่เป็นจำนวนมาก กระทบความเชื่อมั่นทั้งนักลงทุนในและต่างประเทศ หากรัฐไม่ควบคุมการซื้อขายที่ผิดปกติ และดูแลดำเนินการบังคับกฏหมายได้ จะทำให้ความเชื่อมั่นลดลงและกระทบต่อประเทศ กระทบต่อการระดมทุน ของ บจ.ผ่าน ตลท. คดีนี้ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ต้องบังคับใช้กฏหมายเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น โดยการอายัดทรัพย์ฯอาจจะกระทบหุ้นบ้าง เราก็ดูแลให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด และให้ การซื้อขายหุ้นกลับมาเป็นปกติโดยเร็ว เศรษฐกิจของชาติก็จะดำเนินต่อไป”พล.ต.ต.เอกรักษ์กล่าว .-สำนักข่าวไทย