ทำเนียบรัฐบาล 1 พ.ค.-กระทรวงมหาดไทยร่วมสานพลังประชารัฐ จัดงาน “Thailand’s Best Local Product” รวมสินค้าเด่นสุดยอดทั่วไทย ผลผลิตเกษตรมีชื่อ และอาหารดังประจำจังหวัดสู่ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม
นายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงาน “Thailand’s Best Local Product สุดยอดสินค้า หลากหลายทั่วไทย หาได้ในที่เดียว” โดยมีน.ส.เรณู ตังคจิวางกูร รองเลขาธิการ นายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ประธานคณะกรรมการดำเนินโครงการตลาดคลองผดุงกรุงเกษม และนายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทยร่วมแถลงข่าว
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่างานดังกล่าวจะจัดขึ้นเป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม – กรกฎาคม 2560 ณ ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม เป็นการสานพลังประชารัฐระหว่างกระทรวงมหาดไทย บริษัทประชารัฐรักสามัคคีจำกัด และบริษัทเอกชนที่สนับสนุนโครงการประชารัฐ ซึ่งการสานพลังประชารัฐ ถือเป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล โดยกระทรวงมหาดไทยมอบหมายให้กรมการพัฒนาชุมชนนำผลิตภัณฑ์ที่กลุ่มจังหวัดและบริษัทประชารัฐรักสามัคคีจำกัดเข้าไปส่งเสริมและสนับสนุนมาจัดแสดงและจำหน่าย ซึ่งจะทำให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการสินค้าชุมชนทั่วประเทศ มีช่องทางในการจำหน่ายและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น เกิดการขยายตัวของเศรษฐกิจฐานราก
น.ส.เรณู กล่าวว่า การจัดงานตลาดนัดคลองผดุงกรุงเกษมข้างทำเนียบรัฐบาลครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ 31 ซึ่งผลของการดำเนินงานที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ทำให้ชาวกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีโอกาสเลือกซื้อสินค้าจากผู้ผลิตโดยตรง และที่สำคัญทำให้เกษตรกรและผู้ประกอบการสินค้ารายย่อยมีแหล่งจำหน่ายและมีรายได้เพิ่มขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล ทั้งยังทำให้ตลาดคลองผดุงกรุงเกษมเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของชาวกรุงเทพมหานคร
ด้านอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่างาน “Thailand’s Best Local Product สุดยอดสินค้า หลากหลายทั่วไทย หาได้ในที่เดียว” มีผู้ประกอบการและเกษตรกรมากกว่า 800 ราย นำผลิตภัณฑ์ที่เด่นที่สุดในแต่ละจังหวัด สินค้าทางการเกษตร และอาหารประจำท้องถิ่นมานำเสนอ โดยงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 พฤษภาคม – 24 กรกฎาคม พ.ศ.2560 ซึ่งแต่ละเดือนมีธีมงานแตกต่างกันไป คือวันที่ 4 -27 พฤษภาคม ธีมงานคือ Forward Greater Innovation นำเสนอผลิตภัณฑ์แปรรูปที่มีนวัตกรรม อาทิ เครื่องจักสาน ผ้า อาหารไทย, วันที่ 1-24 มิถุนายน ธีมงานคือ Healthy Nature นำเสนอผลิตภัณฑ์เกษตรปลอดภัย อาทิ ข้าวไทย ผัก ผลไม้ และวันที่ 1-24 กรกฎาคม ธีมงานคือ Local Tourism เสนอผลิตภัณฑ์จากหมู่บ้านท่องเที่ยวโดยชุมชน
“การจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน จะประกอบไปด้วย 3 ส่วน คือ 1.ผลิตภัณฑ์ชุมชนบริษัทประชารัฐรักสามัคคีจังหวัดและบริษัทเครือข่ายมากกว่า 100 ราย 2. ผลิตภัณฑ์เด่นและผลผลิตทางการเกษตรของกลุ่มจังหวัดทั่วประเทศรวม 600 ราย และ 3 อาหารชวนชิมซึ่งเป็นอาหารและเครื่องดื่มที่มีชื่อของจังหวัดต่างๆ รวม 180 ราย กิจกรรมไฮไลท์ของงานจึงมี 3 ส่วน คือ 1. บริษัทประชารัฐรักสามัคคีจังหวัด และบริษัทเครือข่ายจะนำสินค้าชุมชนที่ได้ไปส่งเสริมและพัฒนาให้เกิดมูลค่าเพิ่มขึ้นทั่วประเทศมาจัดแสดงและจำหน่ายโดยไม่ซ้ำกัน โดยในเดือนพฤษภาคมผลิตภัณฑ์แปรรูปที่มีนวัตกรรมได้แก่ เครื่องจักสาน ผ้า อาหารไทย เดือนมิถุนายนเสนอผลิตภัณฑ์เกษตรปลอดภัย คือ ข้าวไทย ผัก ผลไม้ และเดือนกรกฎาคมเป็นผลิตภัณฑ์จากหมู่บ้านท่องเที่ยวโดยชุมชน” นายอภิชาติ กล่าว
อธิบดีกรมพัฒนาชุมชน กล่าวว่า 2. กลุ่มจังหวัด 18 กลุ่มทั่วประเทศ ได้คัดเลือกสินค้าเด่นและผลผลิตทางการเกษตรในพื้นที่มาจำหน่าย อาทิ เสื่อกกจันทบูร จังหวัดจันทบุรี ครกหินอ่างศิลา จังหวัดชลบุรี ผลิตภัณฑ์เหล็กน้ำพี้ จังหวัดอุตรดิตถ์ เครื่องเงินชนเผ่า จังหวัดแม่ฮ่องสอน สำหรับผลผลิตทางเกษตรเด่น อาทิเช่น เมล่อน จังหวัดฉะเชิงเทรา ส้มโอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ทุเรียนหลิน-หลง จังหวัดอุตรดิตถ์ น้อยหน่าปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ผักปลอดสารพิษ จังหวัดบุรีรัมย์ นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้านและสวน อาทิ เฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา จังหวัดยะลา ตุ๊กตาดินเผา จังหวัดเชียงใหม่ เครื่องปั้นดินเผาลายบ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี
“3. กลุ่มจังหวัดฯ ได้คัดเลือกอาหารชวนชิมที่เป็นร้านดังของจังหวัดมาจำหน่าย อาทิเช่น กุ่ยช่ายบ้านนา จังหวัดนครนายก ทอดมันหน่อกะลา จังหวัดนนทบุรี เนื้อโคขุนกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ข้าวหมูแดง จังหวัดนครปฐม หมูย่างเมืองตรัง จังหวัดตรัง ขาหมูบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา น้ำส้มมะปี๊ด จังหวัดจันทบุรึ ขนมจีนนาวัง จังหวัดหนองบัวลำภู หมี่ซั้วหลายรส จังหวัดพิษณุโลก กรมการพัฒนาชุมชนคาดหวังว่าการจัดงาน“Thailand’s Best Local Product สุดยอดสินค้า หลากหลายทั่วไทย หาได้ในที่เดียว” ครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวของเศรษฐกิจฐานรากกลับไปที่ชุมชนไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท” นายอภิชาติ กล่าว.-สำนักข่าวไทย