กรุงเทพฯ 28 ต.ค. – ตำรวจ สน.ยานนาวา นำนักเที่ยวที่ถูกจับกุมในผับส่งฟ้องใหม่และไปฝากขังต่อศาลแขวงพระนครใต้อีกครั้ง รวม 72 คน เบื้องต้นทั้งหมดให้การปฏิเสธไม่ได้เสพยาเสพติด
จากกรณีวานนี้ (27 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ยานนาวา ได้นำตัวผู้ต้องหาเสพยาเสพติด ซึ่งเป็นนักเที่ยวที่ถูกจับกุมภายในผับจินหลิง ย่านยานนาวา ไปส่งฟ้องข้อหาเสพยาเสพติด อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อพนักงานอัยการและศาลแขวงพระนครใต้กว่า 70 คน แต่กลับมีผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ 6 คน ในคดีเสพยาเสพติด และเสพสารระเหย และเรี่ยไร อีก 1 คน ที่เหลือให้การปฏิเสธในชั้นอัยการ จนต้องนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดกลับมาควบคุมตัวที่ สน.ยานนาวา ซึ่งจะต้องทำสำนวนส่งฟ้องใหม่และนำไปฝากขังต่อศาลแขวงพระนครใต้อีกครั้งในวันนี้ รวมทั้งหมด 72 คน
เวลา 15.30 น. พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา ควบคุมตัวนักท่องเที่ยวชาวจีน 72 คน ทยอยไปส่งฟ้องต่ออัยการ และศาลแขวงพระนครใต้ ถ.เจริญกรุง ซึ่งเบื้องต้นทั้งหมดให้การปฏิเสธไม่ได้เสพยาเสพติด
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ สน.ยานนาวา พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เดินทางมาโรงพักเพื่อตรวจสอบสำนวนการสอบสวน ก่อนนำผู้ต้องหาที่เหลือส่งฟ้องต่อศาลเพิ่ม และเปิดเผยว่าวานนี้ผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวมาในช่วงแรกให้การรับสารภาพ 48 คน แต่เมื่อผู้ต้องหาได้พบกับญาติและทนายความ จึงรวมตัวกันและให้การปฏิเสธในชั้นอัยการ จึงต้องนำตัวกลับมาทำสำนวนใหม่ โดยในวันนี้ทางตำรวจจะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปฝากขังผัดแรกตามขั้นตอน และจะดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดและพยานแวดล้อมที่อยู่ในที่เกิดเหตุ เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในการส่งฟ้องต่อศาล และหักล้างคำให้การปฏิเสธของผู้ต้องหาทุกคน และจะมีการเรียกคณะสืบสวนสอบสวนมาหารือเรื่องการทำสำนวนให้รัดกุมที่สุด เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย ส่วนผู้ต้องหาที่ไม่มีพาสปอร์ตก็จะถูกดำเนินการตามขั้นตอนของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองโดยการผลักดันออกนอกประเทศ
สำหรับกรณีที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า มีนายทุนของผับดังกล่าวบริจาคเงิน 3 ล้านบาท ให้กับพรรคพลังประชารัฐตั้งแต่ช่วงก่อตั้งพรรคก่อนหน้านี้ เรื่องดังกล่าวจะมีการนำไปหารือกับผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ว่าจะเชิญนายสมศักดิ์ หรือผู้เกี่ยวข้องของพรรค เข้ามาให้ข้อมูลเกี่ยวกับนายทุนผู้บริจาคเงินรายดังกล่าว เพื่อใช้ประกอบในการพิสูจน์ทราบตัวบุคคล และดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับผับดังกล่าว
นอกจากนี้ พล.ต.ต.นิติธร ยังได้ลงพื้นที่ไปยังผับจินหลิง เพื่อตรวจสอบตู้เซฟขนาดใหญ่ 2 ตู้ ที่ยังอยู่ภายในผับ ไม่สามารถเคลื่อนย้ายนำไปเก็บไว้ที่ สน. ยานนาวาได้ โดย พล.ต.ต.นิติธร เผยว่าตำรวจสามารถยึดตู้เซฟไว้ได้ทั้งหมด 5 ตู้ ทางพนักงานสอบสวนได้สอบถามผู้ต้องหาแล้วว่าใครเป็นเจ้าของและมีรหัสเปิดตู้เซฟหรือไม่ แต่ยังไม่มีผู้ใดยอมรับ ซึ่งขณะนี้ได้ติดต่อช่างกุญแจไว้เพื่อที่จะเปิดตู้เซฟตรวจสอบพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานว่าข้างในมีอะไร ของกลางจะเป็นยาเสพติดหรือไม่จะต้องรอเปิดตู้เซฟดูก่อน หากพบว่าเป็นยาเสพติดก็จะเอาผิดกับเจ้าของผับจินหลิง ส่วนรถหรูที่ทางตำรวจสามารถยึดตรวจสอบจากนักท่องเที่ยวชาวจีนไว้ได้ทั้งหมด 35 คัน ขณะนี้มีเจ้าของมาแสดงตัวกับทางพนักงานสอบสวนส่งคืนไปแล้ว 2 คัน ยังเหลืออีก 33 คัน
ส่วนใครเป็นเจ้าของผับนั้นขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนอยู่ในขั้นตอนรวบรวมพยานหลักฐาน หาตัวเจ้าของผับ จากการตรวจสอบทางสำนักงานเขต เป็นชื่อชาวจีนที่มาจดลงทะเบียนขอใช้พื้นที่เปิดกิจการ เมื่อเอามาเปรียบเทียบกับชื่อผู้ต้องหาทั้งหมดแล้วไม่ตรงตามเอกสารที่ลงทะเบียนไว้ จึงไม่สามารถทราบได้ว่าใครเป็นเจ้าของร้านที่แท้จริง. -สำนักข่าวไทย