กรุงเทพฯ 9 ต.ค. – ตำรวจ สน.ยานนาวา คุมตัว 4 ผู้ต้องหา จำหน่ายเครื่องกระสุนปืนให้กับผู้ก่อเหตุยิงในห้างพารากอน ไปขออำนาจศาลฝากขัง ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยคัดค้านการประกันตัว
ความคืบหน้าคดีขยายผลจับกุมผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขายอาวุธปืนและกระสุนปืนให้กับเด็กอายุ 14 ปี ใช้ก่อเหตุในศูนย์การค้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจได้สืบสวนสอบสวนและขยายผลไปถึงกลุ่มผู้ต้องหาที่ค้าอาวุธดังกล่าวผ่านช่องทางออนไลน์ จนสามารถจับกุมได้แล้วทั้งหมด 2 ลอต จำนวน 7 ราย ซึ่งตำรวจ สน.ยานนาวา ได้นำตัวผู้ต้องหาส่งศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อขออำนาจศาลฝากขังไปแล้วก่อนหน้านี้ 3 ราย
ตำรวจ สน.ยานนาวา ควบคุมตัวผู้ต้องหาลอตที่ 2 จำนวน 4 ราย ไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ฝากขัง หลังทยอยควบคุมตัวมาดำเนินคดี ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ในความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายอาวุธปืนและกระสุนปืนสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต
สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ประกอบด้วย นายภัสสรกรณ์ ทำหน้าที่ส่งกระสุนปืนให้เด็กอายุ 14 ปี ให้การปฏิเสธ โดยจะขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น น.ส.สุธิดา ทำหน้าที่รับโอนเงินค่ากระสุนปืน ให้การปฏิเสธ โดยบอกว่าสามีนำบัญชีไปใช้รับโอนเงิน นายธนาวุฒิ สามีของ น.ส.สุธิดา ทำหน้าที่เป็นคนกลางโพสต์ขายกระสุนปืนในกลุ่มซื้อขายอาวุธปืน โดยได้รับส่วนแบ่งเป็นค่าคอมมิชชัน ให้การรับสารภาพ นายวุฒิพงษ์ ทำหน้าที่รับโอนเงินค่ากระสุนปืน ให้การปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายอาวุธปืน โดยรู้จักกับนายธนาวุฒิ จึงรับจ้างเปิดบัญชีให้
ขณะที่ตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ไปขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหา เพื่อพาไปศาลอาญากรุงเทพใต้นั้น ผู้ต้องหาทั้งหมดเดินก้มหน้า ไม่พูดอะไร และไม่ตอบคำถามใด ๆ กับสื่อมวลชน ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายธนาวุฒิ และ น.ส.สุธิดา ค่อนข้างเครียด เพราะเป็นห่วงลูกวัย 5 ขวบ และ 3 ขวบ เกรงจะไม่มีคนดูแล
ขณะที่ พ.ต.อ.กันตภณ โพธิ์อ๊ะ ผู้กำกับการ สน.ยานนาวา เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมด เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง อยู่ในความสนใจของสังคม และกลุ่มผู้ต้องหามีหลายคน จึงเกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ส่วนการขยายผลหลังจากนี้ ยังคงเป็นการดำเนินงานของชุดสืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล แต่หากต้องมีการประสานเรื่องพยานหลักฐาน พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา ก็จะให้ความร่วมมือในการดำเนินการ รวมถึงการขออนุมัติออกหมายจับ และดำเนินคดี หากพบผู้กระทำผิดเพิ่ม. -สำนักข่าวไทย