สุขุมวิท 24 เม.ย.- รมว.พม.เป็นประธานเปิดงานสัมนา 50 ปี สมาคมคนตาบอด ถกนโยบายสาธารณะพัฒนาคุณภาพชีวิต หลังพบ คนตาบอดเพิ่มขึ้เดือนละ 2 พันคน
พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)เป็นประธานเปิดโครงการสัมนา “50 ปี สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทยกับนโยบายสาธารณะเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน และสมัชชาคนตาบอดแห่งชาติ ครั้งที่ 20” ที่โรง แรมแอมบาสซาเดอร์ สุขุมวิท 11 โดยกล่าวว่า การสัมนาครั้งนี้ ถือเป็นการติดตามผลและทบทวนการทำงานในรอบ 50 ปีที่ผ่านมาของสมาคมและเครือข่าย พร้อมแลกเปลี่ยนความคิด ประสบการณ์การเรียนรู้ร่วมกันเพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายในอนาคตในการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนตาบอดและคนพิการ ร่วมกับผู้นำคนตาบอดและคนตาบอดจากหน่วยงานต่างๆ รวมกว่า 900 คน สู่การพัฒนาชีวิตอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้พม.โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะคนพิการ ที่ผ่านมาได้ผลักดันนโยบายด้านคนพิการอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งการสนับสนุนให้คนพิการเข้าถึงสิทธิ และสวัสดิการต่างๆ อาทิ การเพิ่มเบี้ยความพิการจาก 500 เป็น 800 บาท การเพิ่มวงเงินกู้ยืมเงินสำหรับคนพิการจาก 40,000บาท เป็น 60,000บาท และการจ้างงานในภาคเอกชน กว่าร้อยละ 80 เป็นต้น
ขณะที่ นายต่อพงศ์ เสลานนท์ นายกสมาคมคนตาบอด กล่าวว่า ย้อนไป 50 ปีก่อน ความเข้าใจของสังคม คนตาบอดคือการสูญสิ้นความเป็นคน ไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว ภายหลังมีโรงเรียนสอนคนตาบอด และได้รับโอกาสทางการศึกษา มีสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากรัฐ ไม่ว่าจะเป็นเบี้ยคนพิการ การรักษาพยาบาล ทำให้รู้ว่าคนตาบอดมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีจุดหมายและมีคุณค่า
ปัจจุบันมีคนตาบอด 2 แสนคนทั่วประเทศ และมีคนตาบอดเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเดือนละ 2 พันคน จากอุบัติเหตุและร่างกายเสื่อมสภาพ พบมากในวัยทำงานและผู้สูงอายุ ดังนั้นการดูแลคนตาบอด สมาคมเพียงลำพังคงทำไม่ไหว ทุกภาคส่วนทั้งรัฐและเอกชน ต้องร่วมมือกัน ช่วยผลักดันนโยบายสาธารณะควบคู่กับการส่งเสริมอาชีพให้คนตาบอดวัยทำงานกว่า 7 หมื่นคน ได้มีงานทำ โดยเฉพาะการเดินหน้าส่งเสริมอาชีพในพื้นที่ชนบท อย่าง อาชีพเกษตรกร เพราะคนตาบอดส่วนใหญ่อยู่ในครอบครัวที่ทำการเกษตร หากสำเร็จจะช่วยให้คนตาบอดมีอาชีพ ทำงานใกล้บ้านได้ ไม่ต้องเดินทางมาทำงานในเมือง เพื่อให้คนตาบอดร่วมพัฒนาประเทศเช่นเดียวกับคนปกติ.-สำนักข่าวไทย
