ทำเนียบ 28 ก.ย.-รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี วอนอย่าเชื่อข่าวลือ “อ่างเก็บน้ำเต็ม” กางตัวเลขระดับน้ำอ่างขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ทุกหน่วยเตรียมพร้อมรับมือ “พายุโนรู”
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากประกาศกรมอุตุนิยมวิทยาเตือน “พายุโนรู” ทำให้มีการเผยแพร่ข้อมูล “มีเขื่อนแตกหรือไม่สามารถเก็บกักน้ำได้อีกแล้ว” ผ่านสื่อโซเชียล จนเกิดความเข้าใจผิด จึงขอให้ประชาชนรับฟังข้อมูลข่าวสารการแจ้งเตือนและความเคลื่อนไหวของสถานการณ์จากหน่วยงานภาครัฐอย่างใกล้ชิด
นางสาวรัชดา กล่าวว่า จากรายงานสถานการณ์น้ำของกรมชลประทาน (ข้อมูล ณ วันที่ 27 ก.ย.65) พบว่า สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง (447 แห่ง) มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ 55,078 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 72 ปริมาตรน้ำในอ่างฯ เทียบกับปี 2564 มากกว่าปี 2564 จำนวน 5,935 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ 1,156.63 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำระบาย 462.06 ล้าน ลบ.ม. สามารถรับน้ำได้อีก 21,030 ล้าน ลบ.ม.
ในส่วนของอ่างเก็บน้ำภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อยฯ และป่าสักชลสิทธิ์ รวม 4 อ่างฯ มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ 16,307 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 66 ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ 363.78 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำระบาย 22.37 ล้าน ลบ.ม. สามารถรับน้ำได้อีก 8,564 ล้าน ลบ.ม.
สำหรับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ในเกณฑ์มากกว่าร้อยละ 80 ขึ้นไป ของความจุอ่างฯ จำนวน 15 อ่างฯ อาทิ อ่างฯ แม่งัดสมบูรณ์ชล (87%) อ่างฯ จุฬาภรณ์ (85%) อ่างฯ อุบลรัตน์ (82%) อ่างฯ ลำตะคอง (81%) อ่างฯ สิรินธร (85%) อ่างฯ ทับเสลา (85%) อ่างฯ กระเสียว (82%) และอ่างฯ ศรีนครินทร์ (82%) ซึ่งหลายอ่างฯ ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบจากมรสุม และหน่วยงานภาครัฐมีแผนบริหารจัดการหากจำเป็นต้องระบายน้ำไว้แล้ว เพื่อให้ประชาชนในเขตพื้นที่รับน้ำได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
นางสาวรัชดา ย้ำว่า อ่างเก็บน้ำทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ในประเทศไทย ยังสามารถรับน้ำได้ ขอให้เชื่อมั่นต่อแผนรับน้ำ และการระบายน้ำของรัฐบาล
ทั้งนี้ ทุกหน่วยงานไม่ได้นิ่งนอนใจ เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ “พายุโนรู” อยู่ตลอดเวลา โดยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้จัดประชุมคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อติดตามสถานการณ์เตรียมการรับมือ และพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เสี่ยงที่อาจได้รับผลกระทบจากการเคลื่อนตัวของพายุ “โนรู” (NORU) รวมถึงติดตามแนวทางการบริหารจัดการอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำชี-มูล และติดตามผลการดำเนินการตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อน เพื่อป้องกันเกิดเหตุพนังกั้นลำน้ำแตก รวมทั้งเตรียมความพร้อมเครื่องจักรเครื่องมือช่วยเหลือพื้นที่ประสบอุทกภัย และกลไกการเจ้งเตือนระดับน้ำที่คาดว่าจะสูงขึ้นในพื้นที่เสี่ยง ให้ประชาชนเตรียมอพยพเคลื่อนย้ายสิ่งของและทรัพย์สินที่สำคัญล่วงหน้าได้ทันสถานการณ์. สำนักข่าวไทย