พิจิตร 15 ก.ย. – เกษตรกรชาวจังหวัดพิจิตรปรับเปลี่ยนที่นามาปลูกเผือกน้ำ สร้างรายได้ปีละ 120,000 บาท มากกว่าทำนาหลายเท่า ไม่ต้องลงทุนมาก เสี่ยงโรคเหมือนทำนา
นายสมนึก สุขประเสริฐ วัย 66 ปี เกษตรกรตำบลโรงช้าง อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า ตนเองเป็นคนเดียวในหมู่บ้านที่เปลี่ยนจากการทำนามาปลูกเผือกน้ำ สร้างรายได้ถึงปีละ 120,000บาทต่อไร่ เพราะคนอื่นอาจเห็นว่าการปลูกเผือกเหนื่อย ที่เห็นตนเองลงมาที่แปลงเผือกทุกวัน ทั้งที่จริงตนเองมีตารางการทำงานคือหลังรับประทานอาหารเช้าเสร็จก็จะมาที่แปลงปลูกเผือกมาดูแลใส่ปุ๋ยถอนหญ้ามีแรงแค่ไหนก็ทำแค่นั้น จะทำงานจนถึงเวลา 10.00 น. ก็จะกลับไปนอนและตอนบ่ายก็จะนำเผือกไปขายตามตลาดนัดต่าง ๆ ขายกิโลกรัมละ 40 บาท มีทั้งพ่อค้ามารับไปขายต่อตามตลาดนัดอื่น ๆ ซึ่งเผือกจะขายถูกกว่าพ่อค้าคนอื่นที่มักจะขายกันกิโลกรัมละ 50-60 บาท โดยการเก็บเผือกไปจำหน่ายจะทยอยเก็บแล้วแต่ความต้องการของตลาด มีรายได้เฉลี่ยวันละประมาณ 5,000 บาท
สำหรับการปลูกเผือก จะสามารถปลูกได้ปีละครั้งหรือหมุนเวียนไปได้อย่างต่อเนื่อง ระยะเวลาการปลูกจะใช้เวลา 7 เดือน จึงจะเก็บผลผลิตได้ โดย 3 เดือนแรกจะยกร่องปลูกต้นกล้าโดยให้มีน้ำขังในร่อง พอเดือนที่ 4 ก็จะปล่อยน้ำให้แห้ง แต่คอยดูความชื้นของดินหากแห้งเกินไปก็จะใช้การสูบน้ำให้พอชื้น ระหว่างนั้นดูพวกโรคแมลงที่อาจมาทำลายต้นเผือก รวมถึงการถอนต้นหญ้าที่ลุงสมควรบอกว่าการถอนจะทำให้หญ้าขึ้นช้ากว่าการตัดทำลาย โดยเผือกที่ลุงสมควรปลูกมีหัวใหญ่มีน้ำหนักมากถึง 1.2 กิโลกรัม อยู่ที่การดูแลโดยนอกจะขายหัวเผือกยังขายต้นกล้าเผือกด้วยราคาเพียงต้นละ 1 บาท พร้อมสอนการปลูกให้ด้วย เพราะอยากให้ชาวบ้านหันมาปลูกเผือกแทนการทำนากันมาก ๆ ชาวบ้านจะได้มีรายได้สูงกว่าการทำนา .-สำนักข่าวไทย