ลอนดอน 5 ก.ย.- ลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ผู้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 3 ของอังกฤษ หลังจากชนะเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมรอบสุดท้าย เป็นนักการเมืองที่เส้นทางชีวิตเต็มไปด้วยความพลิกผัน
นางแมรี เอลิซาเบธ ทรัสส์ วัย 47 ปี เกิดในครอบครัวที่เธอระบุว่า “เป็นฝ่ายซ้าย” มารดาเป็นพยาบาลและครู บิดาเป็นครูสอนคณิตศาสตร์ เคยพาเธอไปเข้าร่วมการประท้วงต่อต้านนายกรัฐมนตรีมากาเร็ต แทตเชอร์ ของพรรคอนุรักษนิยม เธอเคยสวมบทเป็นแทตเชอร์ในการเลือกตั้งจำลองที่โรงเรียนจัดขึ้นพร้อมกับที่มีการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2526 ทรัสส์วัย 7 ขวบในขณะนั้นไม่ได้เลยแม้แต่คะแนนเดียว ขณะที่แทตเชอร์กวาดคะแนนอย่างถล่มทลาย เธอเล่าในภายหลังว่า ตั้งใจอย่างเต็มที่และปราศรัยหาเสียงอย่างจับใจ แต่ไม่ได้แม้แต่คะแนนเดียว เพราะไม่ได้ลงคะแนนให้ตัวเอง อย่างไรก็ดี เมื่อเข้าสู่เส้นทางทางการเมืองจริง ๆ ทรัสส์ได้ยกย่องให้แทตเชอร์เป็น “ต้นแบบทางการเมือง” และสามารถเดินตามรอยแทตเชอร์ นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศที่ดำรงตำแหน่งระหว่างปี 2522-2533 ด้วยการเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงของอังกฤษที่คนที่ 3 ต่อจากนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ที่ดำรงตำแหน่งปี 2559-2562
ทรัสส์เคยวิพากษ์วิจารณ์ราชวงศ์ในช่วงที่เป็นสมาชิกพรรคเสรีประชาธิปไตยในมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เธอพูดในการประชุมพรรคในปี 2537 สนับสนุนให้ยกเลิกสถาบันกษัตริย์ว่า สมาชิกพรรคนี้เชื่อเรื่องโอกาสควรเป็นของทุกคน ไม่เชื่อเรื่องการเกิดมาเป็นผู้ปกครอง อย่างไรก็ดี เธอเปลี่ยนแนวทางไปเป็นสมาชิกพรรคอนุรักษนิยมเมื่อสำเร็จการศึกษาในปี 2539 เข้าสู่แวดวงการเมืองจนกระทั่งชนะเลือกตั้ง ส.ส. สมัยแรกในปี 2553 ดำรงตำแหน่งในรัฐบาลนายกรัฐมนตรีหลายคนตั้งแต่เดวิด คาเมรอน, เทเรซา เมย์ และบอริส จอห์นสัน โดยได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2564
และเมื่อทรัสส์ตัดสินใจลงสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยม เมื่อนายกรัฐมนตรีจอห์นสันประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม เธอเป็น 1 ใน ผู้สมัคร 2 คนที่ได้จากคะแนนจาก ส.ส.พรรคมากที่สุด จากผู้สมัครที่ได้รับการเสนอชื่อทั้งหมด 8 คน เธอมีคะแนนตามหลังนายริชี ซูนัก อดีตรัฐมนตรีคลังในการลงคะแนนทั้ง 5 รอบ แต่แล้วชีวิตก็พลิกผันอีกครั้งเมื่อผลการประกาศคะแนนในวันนี้ ( 5 กันยายน) ระบุว่า เธอคือหัวหน้าพรรครัฐบาลคนใหม่ ซึ่งจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดทางการเมือง หลังจากอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศได้เกือบ 1 ปีเต็ม.-สำนักข่าวไทย