เผยโฉมคณะรัฐมนตรี “ทรัมป์ 2.0”

วอชิงตัน 14 พ.ย. – นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้เริ่มการคัดเลือกตัวบุคคลมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงในหน่วยงานของรัฐบาลหลังจากที่เขาได้ชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน โดยเขามีกำหนดจะเข้าพิธีสาบานตนเพื่อเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า


รายชื่อรัฐมนตรีสำคัญ ๆ ที่นายทรัมป์ได้ประกาศออกมาแล้วและผู้ที่ได้รับการคาดหมายว่า น่าจะได้มาร่วมรัฐบาลทรัมป์ 2.0 ที่ประกาศออกมาแล้วมีดังนี้

1. ซูซี ไวลส์ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาว


      ซูซี ไวลส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสองผู้จัดการการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง จะมารับตำแหน่งหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาว ซึ่งทำหน้าที่เปรียบเสมือนเป็นแม่บ้านประจำทำเนียบขาว แม้ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องมุมมองทางการเมืองของเธอ แต่ไวลส์ วัย 67 ปี จัดการหาเสียงให้กับนายทรัมป์ได้อย่างประสบความสำเร็จและมีประสิทธิภาพ บรรดาผู้สนับสนุนต่างหวังว่า เธอจะช่วยปลูกฝังความมีระเบียบและมีวินัยที่มักจะขาดหายไปในช่วง 4 ปีที่นายทรัมป์เป็นประธานาธิบดี โดยเขาเปลี่ยนตัวผู้ที่มาทำหน้าที่หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาวหลายต่อหลายคน

      2. ทอม โฮแมน “บอร์เดอร์ ซาร์” หรือ ซาร์ด้านชายแดน

      ทอม โฮแมน ซึ่งรักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรในช่วงที่นายทรัมป์เป็นผู้นำสหรัฐ จะมารับผิดชอบเกี่ยวกับกิจการชายแดนทั้งหมดของสหรัฐ นายทรัมป์รณรงค์หาเสียงด้วยการให้สัญญาว่าจะกวาดล้างผู้ที่เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายและประกาศจะเนรเทศหมู่บุคคลเหล่านี้ นายโฮแมน ซึ่งมีอายุ 62 ปี กล่าวว่า เขาจะให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการเนรเทศผู้ที่เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งถือว่าเป็นภัยต่อความปลอดภัยและความมั่นคง


      3. เอลลีส สเตฟานิก ทูตสหรัฐประจำ ยูเอ็น

      เอลลีส สเตฟานิก  สมาฃิกสภาผู้แทนราษฎรหญิงของพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนตัวยงของเขา ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำองค์การสหประฃาชาติ

      สเตฟานิก นักการเมืองวัย 40 ปี เป็นผู้แทนฯ จากรัฐนิวยอร์ค โดยทรัมป์กล่าวว่า เธอเป็นผู้ที่มีความแข็งแกร่ง อดทนและเป็นนักสู้ที่เฉลียวฉลาดเพื่อแนวทาง ให้อเมริกาต้องมาก่อน

      4. ลี เซลดิน ผู้อำนวยการสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อม

      ลี เซลดิน อดีตสมาฃิกรัฐสภาจากรัฐนิวยอร์ค จะทำหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อม หรือ อีพีเอ

      เซลดิน อายุ 44 ปี เป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับนายทรัมป์ เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาระหว่างปี 2015-2023 .ในปี 2022 เขาลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ค แต่พ่ายแพ้ให้กับเคธี โฮฃุล เจ้าของตำแหน่งจากพรรคเดโมแครต

      นายทรัมป์สัญญาว่า เขาจะปฎิรูปนโยบายด้านพลังงานใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป้าหมายคือการใช้น้ำมันที่มีอยู่ในประเทศมากเป็นประวัติการณ์และการผลิตแก๊สให้ได้ประโยชน์สูงสุด ด้วยการยกเลิกระเบียบบางประการและเร่งการออกใบอนุญาตการผลิตน้ำมันและแก๊สธรรมชาติ ซึ่งในฐานะผู้อำนวยการอีพีเอ นายเซลดินจะมีบทบาทสำคัญในการนำนโยบายนี้ของนายทรัมป์ไปปฎิบัติ

      5. มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ

      วุฒิสมาชิกมาร์โก รูบิโอ วัย 53 ปี จากรัฐฟลอริดา จะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้นายรูบิโอ นักการเมืองที่เกิดในรัฐฟลอริดา เป็นคนเชื้อสายละตินคนแรกที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ

      นายรูบิโอ ถือว่าเป็นผู้ที่มีแนวทางสายเหยี่ยวมากทีสุดที่อยู่ในลิสต์รายฃื่อที่เข้าข่ายจะมาเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศของรัฐบาลทรัมป์ ที่ผ่านมา นายรูบิโอ สนับสนุนการใช้นโยบายต่างประเทศที่แข็งกร้าวกับปรปักษ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ของสหรัฐ ทั้ง จีน อิหร่านและคิวบา แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เขามีท่าทีอ่อนลงบ้างเพื่อให้เป็นไปตามความคิดเห็นของนายทรัมป์

      6. ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ

      ไมค์ วอลซ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครีพับลิกัน จะเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ นายวอลซ์ เคยเป็นนายทหารยศพันเอกในกองกำลังพิทักษ์ดินแดนแห่งชาติ และสมาชิกในหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ (Green Baret) ของกองทัพบกสหรัฐ

      วอลซ์ วัย 50 ปี เป็นหนึ่งในผู้ที่ภักดีต่อนายทรัมป์มาก ๆ เขาเคยกล่าววิพากษ์วิจารณ์จีน ที่ดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและส่งเสียงสนับสนุนว่า สหรัฐจำเป็นต้องมีความพร้อมสำหรับความขัดแย้งในภูมิภาค ตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ เป็นตำแหน่งที่ทรงอิทธิพลและไม่ต้องขอความเห็นชอบจากวุฒิสภาเรื่องตัวบุคคลที่จะดำรงตำแหน่ง วอลซ์จะมีหน้าที่บรรยายสรุปในประเด็นเรื่องความมั่นคงแห่งชาติและประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ นายวอลซ์ เคยโจมตีรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน เรื่องการถอนทหารอเมริกันออกจากอัฟกานิสถานในปี 2021 แต่เขากล่าวชื่นชมแนวคิดนโยบายต่างประเทศของนายทรัมป์

      7. คริสตี โนเอม รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ

      คริสตี โนเอม ผู้ว่าการรัฐเซาท์ดาโกตา จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ

      โนเอม วัย 52 ปี เคยถูกมองว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมาเป็นผู้สมัครคู่หูกับนายทรัมป์ในการชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ในขณะนี้ เธอกำลังดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐเซาท์ดาโกตาเป็นสมัยที่ 2 เป็นเวลา 4 ปี หลังจากที่เธอได้รับเลือกตั้งอย่างถล่มทลายในปี 2022 เธอเป็นที่รู้จักทั่วประเทศหลังจากที่เธอปฎิเสธที่จะออกคำสั่งบังคับให้ประชาชนทั่วทั้งรัฐต้องสวมหน้ากากอนามัยในช่วงการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

      ตำแหน่งรัฐมนตรีความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ มีหน้าที่รับผิดชอบในหลากหลายมาก ตั้งแต่การปกป้องชายแดน การเข้าเมือง ไปจนถึงการรับมือกับภัยพิบัติ และหน่วยงานลับของรัฐ หรือ “ยูเอสซีเครตเซอร์วิส” (U.S. Secret Service) ที่มีหน้าที่คุ้มกันความปลอดภัยให้กับบุคคลสำคัญของประเทศ

      8. พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหม

      นายพีท เฮกเซธ นักวิเคราะห์ข่าวทางสถานีโทรทัศน์ ฟอกซ์ นิวส์ จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม

      นายทรัมป์ กล่าวในแถลงการณ์ว่า นายเฮกเซธ เป็นคนอดทน เฉลียวฉลาดและเป็นผู้ที่มีความเชื่ออย่าแท้จริงในแนวทาง อเมริกาต้องมาก่อน หรือ “อเมริกา เฟิร์สต์” เมื่อเขามาดำรงตำแหนงนี้ ศัตรูของอเมริกาจะต้องรับรู้ว่า กองทัพของอเมริกันจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งและอเมริกาจะไม่มีวันยอมอ่อนข้อเด็ดขาด

      นายเฮกเซธ วัย 44 ปี จะต้องผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาก่อนที่จะก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งเคยแสดงความไม่เห็นด้วยกับนโยบายที่เรียกว่า โว้ก (woke) ของนายทหารระดับสูงและผู้บริหารกระทรวงกลาโหม สำหรับ “โว้ก” เป็นกระแสการตื่นรู้เพื่อการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมของสังคม เพื่อขจัดการกดขี่กันในทางเพศหรือสีผิว ตลอดจนลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ

      8. จอห์น เรตคลิฟฟ์ ผอ. ซีเอไอ

      นายจอห์น เรตคลิฟฟ์ จะมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลาง หรือ ซีเอไอ

      นายเรตคลิฟฟ์ เป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับนายทรัมป์ เขาเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติในสมัยที่นายทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีและพ้นจากตำแหน่งพร้อมกับที่นายทรัมป์หมดวาระดำรงตำแหน่งในสมัยแรกในเดือนมกราคม 2021

      9. แมตต์ แกตซ์ รัฐมนตรียุติธรรม

      แมตต์ แกตซ์  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของรัฐฟลอริดาวัย 42 ปี ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรียุติธรรม ซึ่งคนวงในของนายทรัมป์เชื่อว่า นายแกตซ์จะมีภารกิจสำคัญในงานด้านกฎหมาย ทั้งเรื่องการผลักดันผู้อพยพผิดกฎหมายออกนอกประเทศตามนโยบายของนายทรัมป์ ล้างผิดให้กับผู้ก่อเหตุจลาจลที่อาคารรัฐสภาหลังการเลือกตั้งปี 2020 และเอาคืนคนกลุ่มต่างๆ ที่เคยเล่นงานทางกฎหมายเพื่อเอาผิดทรัมป์ในหลายคดีตลอดช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมา นายแกตซ์ ไม่เคยทำงานในกระทรวงยุติธรรมและไม่เคยเป็นอัยการมาก่อน และเป็นอีกคนที่ไม่มีประสบการณ์แต่ได้รับเลือกจากนายทรัมป์ให้มาร่วมรัฐบาล

      10. ทูลซี แกบบาร์ด ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

      ทูลซี แกบบาร์ด อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหญิงจากรัฐฮาวาย ของพรรคเดโมแครต แต่เปลี่ยนค่ายมาสนับสนุนนายทรัมป์ เธอเคยพูดต่อต้านการแทรงแซงสงครามกลางเมืองในซีเรียในสมัยประธานาธิบดีบารัค โอบามา และกล่าวเป็นนัยว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน มีหลักฐานที่ชอบด้วยกฎหมายในการรุกรานยูเครน ซึ่งเป็นพันธมิตรของสหรัฐ

      11. อีลอน มัสก์และวิเวก รามาสวามี กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล

      นายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก จะได้รับตำแหน่งในรัฐบาลของนายทรัมป์ โดยจะให้กำกับดูแลหน่วยงานที่ตั้งขึ้นใหม่ที่เรียกว่า กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐบาล

      นายทรัมป์ กล่าวว่า นายมัสก์จะได้รับมอบหมายให้ดูแลหน่วยงานที่จะตั้งขึ้นใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐบาล ลักษณะการทำงานคือให้คำชี้แนะและกำหนดแนวทางในการลดขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อนของภาครัฐ ตัดลดรายจ่ายที่ไม่เกิดประโยชน์ รวมทั้งปรับโครงสร้างหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลกลางด้วย ยิ่งไปกว่านั้นนายทรัมป์ ยังให้นายวิเวก รามาสวามี อดีตผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ ผู้ก่อตั้งบริษัทยา รอยแวนต์ไซแอนเซส คนอเมริกันเชื้อสายอินเดียที่เคยเป็นคู่แข่งเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดี มาร่วมทำงานในหน่วยงานใหม่นี้ด้วย  พร้อมกับกำหนดกรอบเวลาว่า งานของหน่วยงานนี้จะสิ้นสุดในอีกประมาณ 2 ปี ให้ตรงกับวันชาติครบ 250 ปี           

      12. ดั๊ก เบอร์กัม รัฐมนตรีมหาดไทย

      ดั๊ก เบอร์กัม ผู้ว่าการรัฐนอร์ท ดาโกตา วัย 68 ปี จะเฃ้ามาเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย

      เบอร์กัม เศรษฐีอดีตผู้บริหารของบริษัทซอฟท์แวร์ เขามองตัวเองว่าเป็นคนที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยม ยึดถือตามธรรมเนียมดั้งเดิม ที่มีหัวทางธุรกิจ เขาเคยลงสมัครแข่งขันกับนายทรัมป์ เพื่อเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันในชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ก่อนที่จะถอนตัวออกจากการแข่งขันและกลายมาเป็นผู้สนับสนุนนายทรัมป์ในเวลาต่อมา

      กระทรวงมหาดไทย ทำหน้าที่จัดการเรื่องที่ดินสาธารณะและแร่ธาตุ อุทยานแห่งชาติและแหล่งพักพิงของสัตว์ป่า

      13. โรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี้ จูเนียร์ รัฐมนตรีสาธารณสุขและบริการมนุษย์

      นายโรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี้ จูเนียร์ เป็นนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมที่เผยแพร่ข้อมูลที่ผิด ๆ เกี่ยวกับอันตรายของวัคซีน เขาเคยลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งล่าสุดนี้ ตอนแรกในนามพรรคเดโมแครต แต่ต่อมาเป็นผู้สมัครในนามอิสระ ก่อนที่จะถอนตัวออกไปในเดือนสิงหาคมที่่ผ่านมา เพื่อแลกกับการมีบทบาทในรัฐบาลของนายทรัมป์

      กระทรวงสาธารณสุขมีหน้าที่ดูแลสำนักงานอาหารและยา ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค สถานบันสุขภาพแห่งชาติและโครงการด้านบริการสาธารณสุขต่าง ๆ ที่ดูแลงานด้านสุขภาพสำหรับคนยากจน ผู้ที่มีอายุุ 65 ปีขึ้นไป และคนพิการ

      ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีคลังนั้น ยังไม่มีการประกาศชื่อออกมา แต่ขณะนี้ นายโฮวาร์ด ลุตนิกส์ นายธนาคารและมหาเศรษฐี เป็นตัวเก็งที่จะได้รับตำแหน่งนี้เช่นเดียวกับนายสก็อตต์ เบสเซนต์ นักลงทุน นายลุตนิกส์ เป็นเพื่อนกับนายทรัมป์มาอย่างยาวนานและเป็นประธานร่วมในคณะถ่ายโอนอำนาจ ส่วนนายเบสเซนต์ เป็นที่ปรึกษาทางด้านเศรษฐกิจในการหาเสียงของนายทรัมป์และยังเป็นผู้ระดมทุนให้กับนายทรัมป์ด้วย

      รายชื่อรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนสำคัญ ๆ บางส่วนที่ประกาศออกมาแล้วในขณะนี้ได้สร้างความประหลาดใจให้กับผู้เชี่ยวชาญหลายต่อหลายคน อย่างเข่น นายรูบิโอ ที่นายทรัมป์เลือกให้มาเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ในขณะที่อีกหลายคนดูเหมือนจะขาดความเชี่ยวชาญชำนาญ หรือ ขาดการสนับสนุนที่จำเป็นในการทำงานในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย

      นายทรัมป์ เลือกนายเฮกเซธ ให้เป็นรัฐมนตรีกลาโหม นายเฮกเซธ เป็นนักวิเคราะห์ของฟอกซ์นิวส์ และทหารผ่านศึก ที่เคยแสดงความไม่เห็นด้วยกับ แนวทาง “โว้ก” ของผู้นำกองทัพ เขาไม่เห็นด้วยกับการที่สตรีจะมีบทบาททางการรบและตั้งคำถามว่า นายพลในกองทัพได้ตำแหน่งเพราะว่าสีผิวหรือไม่ นายเฮกเซธ ซึ่งมีประสบการณ์ไม่มากในเรื่องการจัดการ แต่จะต้องเข้ามารับผิดชอบทหารอเมริกัน 1.3 ล้านคนและพลเรือนเกือบ 1 ล้านคนที่ทำงานให้กับกองทัพ

      ผู้เชี่ยวชาญยังรู้สึกประหลาดใจที่นายทรัมป์เลือกแกบบาร์ด มานั่งในเก้าอี้ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ แกบบาร์ด มีประสบการณ์โดยตรงค่อนข้างน้อยในงานด้านข่าวกรองและไม่เคยได้รับการคาดหมายว่า จะมาดำรงตำแหน่งในหน่วยงานนี้ ซึ่งดูแลหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับข่าวกรอง 18 หน่วยงานด้วยกัน เธอเคยถูกส่งไปประจำการในอิรักระหว่างปี 2004-2005 และมียศพันตรีในกองกำลังพิทักษ์ดินแดนของรัฐฮาวายและขณะนี้มียศพันโทในกองกำลังสำรองของกองทัพบกสหรัฐ เธอแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยที่สหรัฐแทรงแซงในซีเรีย เธอถึงขั้นเดินทางอย่างลับ ๆ ไปพบกับประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรียเมื่อเดือนมกราคม 2017 ผู้นำซีเรียเป็นผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยฃนอย่างกว้างขวาง การเดินทางของเธอถูกตำหนิจากสมาชิกรัฐสภาทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน

      อีกหนึ่งคนที่สร้างความประหลาดใจไม่น้อยกับผู้เชี่ยวชาญและนักสังเกตุการณ์ทางการเมืองคือนายแกตซ์ ที่จะมาเป็นรัฐมนตรียุติธรรม เขาไม่เคยทำงานที่กระทรวงยุติธรรมมาก่อน หรือ เป็นอัยการมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นเขายังถูกกระทรวงยุติธรรมสอบสวนในข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการค้าทางเพศ

      จากรายชื่อเหล่านี้ดูเหมือนว่า นายทรัมป์ใช้การเลือกด้วยเหตุผลส่วนตัวมากกว่าการสรรหาตามรูปแบบปกติ และเน้นผู้ที่มีความภักดีที่จะไม่ขัดคำสั่งหรือขัดขวางนโยบายที่เป็นประเด็นร้อนของเขา แต่ทั้งหลายทั้งปวงแล้ว การเลือกสรรคณะรัฐมนตรีของเขาเป็นสัญญาณให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงแบบถอนรากถอนโคนเกี่ยวกับแนวทางของรัฐบาลสหรัฐที่จะบริหารงานและบทบาทของอเมริกาต่อโลกในช่วงระยะเวลา 4 ปี ต่อจากนี้.-813.-สำนักข่าวไทย

      UPDATE 15 November 2024

      ดูข่าวเพิ่มเติม

      Top Viewed • อ่านมากสุด

      ดูทั้งหมด

      เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

      กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

      โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

      กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

      “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

      มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

      แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

      อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

      ข่าวแนะนำ

      “อนุทิน” กินข้าว “อภิสิทธิ์” ขอคำแนะนำอดีตนายกฯ

      กทม. 19 ก.ย.- “อนุทิน” โพสต์ภาพร่วมโต๊ะกินมื้อกลางวันคู่กับ “อภิสิทธิ์” บอกขอคำแนะนำอดีตนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพรับประทานอาหารกลางวันคู่กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเป็นการส่วนตัว พร้อมระบุข้อความว่า “ได้รับคำแนะนำที่มีประโยชน์และคุณค่ามากมายจากท่านนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้ให้เกียรติมาให้กำลังใจและทานอาหารกลางวันด้วยกันในวันนี้ ขอบพระคุณท่านมากครับ” ทั้งนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวแรกของนายกรัฐมนตรี หลังจากที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของนายอนุทิน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีอีกกระแสข่าว ที่เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ กลับไปเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ -สำนักข่าวไทย

      รวบยกแก๊ง 4 ชาวอังกฤษขับรถชิงทรัพย์ชาวอเมริกัน

      ภูเก็ต 19 ก.ย. – วานนี้มีเหตุอุกอาจกลางเมืองภูเก็ต กลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถชนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายก่อนลงไปชิงนาฬิกาหรู มูลค่ากว่า 2 ล้าน เช้านี้ตำรวจรวบผู้ก่อเหตุได้ครบ เชื่อวางแผนทำกันเป็นขบวนการ.-สำนักข่าวไทย

      ไทยยึดหลักสากล จัดการปมบ้านหนองหญ้าแก้ว

      กระทรวงการต่างประเทศ 19 ก.ย.- “อนุทิน” แจงประธานอาเชียน เหตุบ้านหนองหญ้าแก้ว ไทยยืนยันยึดหลักสากล จัดการปัญหา กัมพูชาขัดข้อตกลงหยุดยิง ใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์ ไร้มนุษยธรรม ไม่สร้างสรรค์ บิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมเรียกร้องกัมพูชาแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหา นายนิกรเดช พลางกูล อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ที่มีการรื้อถอนสิ่งกีดขวางของฝ่ายไทย และมีการปะทะจนมีเจ้าหน้าที่ไทยได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถือเป็นการทำผิดกฎหมายไทยหลายมาตรา โดยย้ำว่าที่ผ่านมาฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดทุกประการมาโดยตลอด ข้อตกลงนี้เป็นหมุดหมายสำคัญที่จะปูทางไปสู่สันติภาพ แม้สถานการณ์สงบลง แต่กัมพูชายังยั่วยุในรูปแบบต่างๆ ซึ่งขัดข้อตกลงหยุดยิง พร้อมย้ำว่าการวางเครื่องกีดขวางเสริมความมั่นคง เป็นการดำเนินการในอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยอดกลั่น และใช้เวลาชี้แจงกับประชาชนกัมพูชา แต่ไม่เป็นผล ที่สุดเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนของไทยต้องเข้าระงับเหตุตามหลักสากล ตามหลักมนุษยชนการปลุกระดมให้ประชาชนมาเป็นโล่มนุษย์ ขัดกฎหมายระหว่างประเทศ ไร้มนุษยธรรม ขาดความรับผิดชอบ ไม่สร้างสรรค์ และไม่ยึดถือประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง นอกจากนี้ ทั้ง 2 ประเทศให้คำมั่นหยุดยิงไปแล้ว แต่กัมพูชาเลือกเส้นทางจากต่างไทยโดยสิ้นเชิง ไทยมุ่งมั่นแสวงหาสันติภาพ ซึ่งต่างจากกัมพูชาที่แสวงหาความรุนแรง การวางรั้วลวดหนามของฝ่ายไทย เป็นไปเพื่อป้องกันการปะทะ และเพื่อสร้างความปลอดภัยของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และเหตุความรุนแรงอาจนำไปสู่การสูญเสีย […]

      โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

      กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]