เผยโฉมคณะรัฐมนตรี “ทรัมป์ 2.0”

วอชิงตัน 14 พ.ย. – นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้เริ่มการคัดเลือกตัวบุคคลมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงในหน่วยงานของรัฐบาลหลังจากที่เขาได้ชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน โดยเขามีกำหนดจะเข้าพิธีสาบานตนเพื่อเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า


รายชื่อรัฐมนตรีสำคัญ ๆ ที่นายทรัมป์ได้ประกาศออกมาแล้วและผู้ที่ได้รับการคาดหมายว่า น่าจะได้มาร่วมรัฐบาลทรัมป์ 2.0 ที่ประกาศออกมาแล้วมีดังนี้

1. ซูซี ไวลส์ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาว


      ซูซี ไวลส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสองผู้จัดการการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง จะมารับตำแหน่งหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาว ซึ่งทำหน้าที่เปรียบเสมือนเป็นแม่บ้านประจำทำเนียบขาว แม้ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องมุมมองทางการเมืองของเธอ แต่ไวลส์ วัย 67 ปี จัดการหาเสียงให้กับนายทรัมป์ได้อย่างประสบความสำเร็จและมีประสิทธิภาพ บรรดาผู้สนับสนุนต่างหวังว่า เธอจะช่วยปลูกฝังความมีระเบียบและมีวินัยที่มักจะขาดหายไปในช่วง 4 ปีที่นายทรัมป์เป็นประธานาธิบดี โดยเขาเปลี่ยนตัวผู้ที่มาทำหน้าที่หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาวหลายต่อหลายคน

      2. ทอม โฮแมน “บอร์เดอร์ ซาร์” หรือ ซาร์ด้านชายแดน

      ทอม โฮแมน ซึ่งรักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรในช่วงที่นายทรัมป์เป็นผู้นำสหรัฐ จะมารับผิดชอบเกี่ยวกับกิจการชายแดนทั้งหมดของสหรัฐ นายทรัมป์รณรงค์หาเสียงด้วยการให้สัญญาว่าจะกวาดล้างผู้ที่เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายและประกาศจะเนรเทศหมู่บุคคลเหล่านี้ นายโฮแมน ซึ่งมีอายุ 62 ปี กล่าวว่า เขาจะให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการเนรเทศผู้ที่เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งถือว่าเป็นภัยต่อความปลอดภัยและความมั่นคง


      3. เอลลีส สเตฟานิก ทูตสหรัฐประจำ ยูเอ็น

      เอลลีส สเตฟานิก  สมาฃิกสภาผู้แทนราษฎรหญิงของพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนตัวยงของเขา ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำองค์การสหประฃาชาติ

      สเตฟานิก นักการเมืองวัย 40 ปี เป็นผู้แทนฯ จากรัฐนิวยอร์ค โดยทรัมป์กล่าวว่า เธอเป็นผู้ที่มีความแข็งแกร่ง อดทนและเป็นนักสู้ที่เฉลียวฉลาดเพื่อแนวทาง ให้อเมริกาต้องมาก่อน

      4. ลี เซลดิน ผู้อำนวยการสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อม

      ลี เซลดิน อดีตสมาฃิกรัฐสภาจากรัฐนิวยอร์ค จะทำหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อม หรือ อีพีเอ

      เซลดิน อายุ 44 ปี เป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับนายทรัมป์ เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาระหว่างปี 2015-2023 .ในปี 2022 เขาลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ค แต่พ่ายแพ้ให้กับเคธี โฮฃุล เจ้าของตำแหน่งจากพรรคเดโมแครต

      นายทรัมป์สัญญาว่า เขาจะปฎิรูปนโยบายด้านพลังงานใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป้าหมายคือการใช้น้ำมันที่มีอยู่ในประเทศมากเป็นประวัติการณ์และการผลิตแก๊สให้ได้ประโยชน์สูงสุด ด้วยการยกเลิกระเบียบบางประการและเร่งการออกใบอนุญาตการผลิตน้ำมันและแก๊สธรรมชาติ ซึ่งในฐานะผู้อำนวยการอีพีเอ นายเซลดินจะมีบทบาทสำคัญในการนำนโยบายนี้ของนายทรัมป์ไปปฎิบัติ

      5. มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ

      วุฒิสมาชิกมาร์โก รูบิโอ วัย 53 ปี จากรัฐฟลอริดา จะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้นายรูบิโอ นักการเมืองที่เกิดในรัฐฟลอริดา เป็นคนเชื้อสายละตินคนแรกที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ

      นายรูบิโอ ถือว่าเป็นผู้ที่มีแนวทางสายเหยี่ยวมากทีสุดที่อยู่ในลิสต์รายฃื่อที่เข้าข่ายจะมาเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศของรัฐบาลทรัมป์ ที่ผ่านมา นายรูบิโอ สนับสนุนการใช้นโยบายต่างประเทศที่แข็งกร้าวกับปรปักษ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ของสหรัฐ ทั้ง จีน อิหร่านและคิวบา แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เขามีท่าทีอ่อนลงบ้างเพื่อให้เป็นไปตามความคิดเห็นของนายทรัมป์

      6. ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ

      ไมค์ วอลซ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครีพับลิกัน จะเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ นายวอลซ์ เคยเป็นนายทหารยศพันเอกในกองกำลังพิทักษ์ดินแดนแห่งชาติ และสมาชิกในหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ (Green Baret) ของกองทัพบกสหรัฐ

      วอลซ์ วัย 50 ปี เป็นหนึ่งในผู้ที่ภักดีต่อนายทรัมป์มาก ๆ เขาเคยกล่าววิพากษ์วิจารณ์จีน ที่ดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและส่งเสียงสนับสนุนว่า สหรัฐจำเป็นต้องมีความพร้อมสำหรับความขัดแย้งในภูมิภาค ตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ เป็นตำแหน่งที่ทรงอิทธิพลและไม่ต้องขอความเห็นชอบจากวุฒิสภาเรื่องตัวบุคคลที่จะดำรงตำแหน่ง วอลซ์จะมีหน้าที่บรรยายสรุปในประเด็นเรื่องความมั่นคงแห่งชาติและประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ นายวอลซ์ เคยโจมตีรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน เรื่องการถอนทหารอเมริกันออกจากอัฟกานิสถานในปี 2021 แต่เขากล่าวชื่นชมแนวคิดนโยบายต่างประเทศของนายทรัมป์

      7. คริสตี โนเอม รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ

      คริสตี โนเอม ผู้ว่าการรัฐเซาท์ดาโกตา จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ

      โนเอม วัย 52 ปี เคยถูกมองว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมาเป็นผู้สมัครคู่หูกับนายทรัมป์ในการชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ในขณะนี้ เธอกำลังดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐเซาท์ดาโกตาเป็นสมัยที่ 2 เป็นเวลา 4 ปี หลังจากที่เธอได้รับเลือกตั้งอย่างถล่มทลายในปี 2022 เธอเป็นที่รู้จักทั่วประเทศหลังจากที่เธอปฎิเสธที่จะออกคำสั่งบังคับให้ประชาชนทั่วทั้งรัฐต้องสวมหน้ากากอนามัยในช่วงการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

      ตำแหน่งรัฐมนตรีความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ มีหน้าที่รับผิดชอบในหลากหลายมาก ตั้งแต่การปกป้องชายแดน การเข้าเมือง ไปจนถึงการรับมือกับภัยพิบัติ และหน่วยงานลับของรัฐ หรือ “ยูเอสซีเครตเซอร์วิส” (U.S. Secret Service) ที่มีหน้าที่คุ้มกันความปลอดภัยให้กับบุคคลสำคัญของประเทศ

      8. พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหม

      นายพีท เฮกเซธ นักวิเคราะห์ข่าวทางสถานีโทรทัศน์ ฟอกซ์ นิวส์ จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม

      นายทรัมป์ กล่าวในแถลงการณ์ว่า นายเฮกเซธ เป็นคนอดทน เฉลียวฉลาดและเป็นผู้ที่มีความเชื่ออย่าแท้จริงในแนวทาง อเมริกาต้องมาก่อน หรือ “อเมริกา เฟิร์สต์” เมื่อเขามาดำรงตำแหนงนี้ ศัตรูของอเมริกาจะต้องรับรู้ว่า กองทัพของอเมริกันจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งและอเมริกาจะไม่มีวันยอมอ่อนข้อเด็ดขาด

      นายเฮกเซธ วัย 44 ปี จะต้องผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาก่อนที่จะก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งเคยแสดงความไม่เห็นด้วยกับนโยบายที่เรียกว่า โว้ก (woke) ของนายทหารระดับสูงและผู้บริหารกระทรวงกลาโหม สำหรับ “โว้ก” เป็นกระแสการตื่นรู้เพื่อการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมของสังคม เพื่อขจัดการกดขี่กันในทางเพศหรือสีผิว ตลอดจนลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ

      8. จอห์น เรตคลิฟฟ์ ผอ. ซีเอไอ

      นายจอห์น เรตคลิฟฟ์ จะมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลาง หรือ ซีเอไอ

      นายเรตคลิฟฟ์ เป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับนายทรัมป์ เขาเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติในสมัยที่นายทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีและพ้นจากตำแหน่งพร้อมกับที่นายทรัมป์หมดวาระดำรงตำแหน่งในสมัยแรกในเดือนมกราคม 2021

      9. แมตต์ แกตซ์ รัฐมนตรียุติธรรม

      แมตต์ แกตซ์  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของรัฐฟลอริดาวัย 42 ปี ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรียุติธรรม ซึ่งคนวงในของนายทรัมป์เชื่อว่า นายแกตซ์จะมีภารกิจสำคัญในงานด้านกฎหมาย ทั้งเรื่องการผลักดันผู้อพยพผิดกฎหมายออกนอกประเทศตามนโยบายของนายทรัมป์ ล้างผิดให้กับผู้ก่อเหตุจลาจลที่อาคารรัฐสภาหลังการเลือกตั้งปี 2020 และเอาคืนคนกลุ่มต่างๆ ที่เคยเล่นงานทางกฎหมายเพื่อเอาผิดทรัมป์ในหลายคดีตลอดช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมา นายแกตซ์ ไม่เคยทำงานในกระทรวงยุติธรรมและไม่เคยเป็นอัยการมาก่อน และเป็นอีกคนที่ไม่มีประสบการณ์แต่ได้รับเลือกจากนายทรัมป์ให้มาร่วมรัฐบาล

      10. ทูลซี แกบบาร์ด ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

      ทูลซี แกบบาร์ด อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหญิงจากรัฐฮาวาย ของพรรคเดโมแครต แต่เปลี่ยนค่ายมาสนับสนุนนายทรัมป์ เธอเคยพูดต่อต้านการแทรงแซงสงครามกลางเมืองในซีเรียในสมัยประธานาธิบดีบารัค โอบามา และกล่าวเป็นนัยว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน มีหลักฐานที่ชอบด้วยกฎหมายในการรุกรานยูเครน ซึ่งเป็นพันธมิตรของสหรัฐ

      11. อีลอน มัสก์และวิเวก รามาสวามี กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล

      นายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก จะได้รับตำแหน่งในรัฐบาลของนายทรัมป์ โดยจะให้กำกับดูแลหน่วยงานที่ตั้งขึ้นใหม่ที่เรียกว่า กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐบาล

      นายทรัมป์ กล่าวว่า นายมัสก์จะได้รับมอบหมายให้ดูแลหน่วยงานที่จะตั้งขึ้นใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐบาล ลักษณะการทำงานคือให้คำชี้แนะและกำหนดแนวทางในการลดขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อนของภาครัฐ ตัดลดรายจ่ายที่ไม่เกิดประโยชน์ รวมทั้งปรับโครงสร้างหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลกลางด้วย ยิ่งไปกว่านั้นนายทรัมป์ ยังให้นายวิเวก รามาสวามี อดีตผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ ผู้ก่อตั้งบริษัทยา รอยแวนต์ไซแอนเซส คนอเมริกันเชื้อสายอินเดียที่เคยเป็นคู่แข่งเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดี มาร่วมทำงานในหน่วยงานใหม่นี้ด้วย  พร้อมกับกำหนดกรอบเวลาว่า งานของหน่วยงานนี้จะสิ้นสุดในอีกประมาณ 2 ปี ให้ตรงกับวันชาติครบ 250 ปี           

      12. ดั๊ก เบอร์กัม รัฐมนตรีมหาดไทย

      ดั๊ก เบอร์กัม ผู้ว่าการรัฐนอร์ท ดาโกตา วัย 68 ปี จะเฃ้ามาเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย

      เบอร์กัม เศรษฐีอดีตผู้บริหารของบริษัทซอฟท์แวร์ เขามองตัวเองว่าเป็นคนที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยม ยึดถือตามธรรมเนียมดั้งเดิม ที่มีหัวทางธุรกิจ เขาเคยลงสมัครแข่งขันกับนายทรัมป์ เพื่อเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันในชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ก่อนที่จะถอนตัวออกจากการแข่งขันและกลายมาเป็นผู้สนับสนุนนายทรัมป์ในเวลาต่อมา

      กระทรวงมหาดไทย ทำหน้าที่จัดการเรื่องที่ดินสาธารณะและแร่ธาตุ อุทยานแห่งชาติและแหล่งพักพิงของสัตว์ป่า

      13. โรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี้ จูเนียร์ รัฐมนตรีสาธารณสุขและบริการมนุษย์

      นายโรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี้ จูเนียร์ เป็นนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมที่เผยแพร่ข้อมูลที่ผิด ๆ เกี่ยวกับอันตรายของวัคซีน เขาเคยลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งล่าสุดนี้ ตอนแรกในนามพรรคเดโมแครต แต่ต่อมาเป็นผู้สมัครในนามอิสระ ก่อนที่จะถอนตัวออกไปในเดือนสิงหาคมที่่ผ่านมา เพื่อแลกกับการมีบทบาทในรัฐบาลของนายทรัมป์

      กระทรวงสาธารณสุขมีหน้าที่ดูแลสำนักงานอาหารและยา ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค สถานบันสุขภาพแห่งชาติและโครงการด้านบริการสาธารณสุขต่าง ๆ ที่ดูแลงานด้านสุขภาพสำหรับคนยากจน ผู้ที่มีอายุุ 65 ปีขึ้นไป และคนพิการ

      ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีคลังนั้น ยังไม่มีการประกาศชื่อออกมา แต่ขณะนี้ นายโฮวาร์ด ลุตนิกส์ นายธนาคารและมหาเศรษฐี เป็นตัวเก็งที่จะได้รับตำแหน่งนี้เช่นเดียวกับนายสก็อตต์ เบสเซนต์ นักลงทุน นายลุตนิกส์ เป็นเพื่อนกับนายทรัมป์มาอย่างยาวนานและเป็นประธานร่วมในคณะถ่ายโอนอำนาจ ส่วนนายเบสเซนต์ เป็นที่ปรึกษาทางด้านเศรษฐกิจในการหาเสียงของนายทรัมป์และยังเป็นผู้ระดมทุนให้กับนายทรัมป์ด้วย

      รายชื่อรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนสำคัญ ๆ บางส่วนที่ประกาศออกมาแล้วในขณะนี้ได้สร้างความประหลาดใจให้กับผู้เชี่ยวชาญหลายต่อหลายคน อย่างเข่น นายรูบิโอ ที่นายทรัมป์เลือกให้มาเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ในขณะที่อีกหลายคนดูเหมือนจะขาดความเชี่ยวชาญชำนาญ หรือ ขาดการสนับสนุนที่จำเป็นในการทำงานในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย

      นายทรัมป์ เลือกนายเฮกเซธ ให้เป็นรัฐมนตรีกลาโหม นายเฮกเซธ เป็นนักวิเคราะห์ของฟอกซ์นิวส์ และทหารผ่านศึก ที่เคยแสดงความไม่เห็นด้วยกับ แนวทาง “โว้ก” ของผู้นำกองทัพ เขาไม่เห็นด้วยกับการที่สตรีจะมีบทบาททางการรบและตั้งคำถามว่า นายพลในกองทัพได้ตำแหน่งเพราะว่าสีผิวหรือไม่ นายเฮกเซธ ซึ่งมีประสบการณ์ไม่มากในเรื่องการจัดการ แต่จะต้องเข้ามารับผิดชอบทหารอเมริกัน 1.3 ล้านคนและพลเรือนเกือบ 1 ล้านคนที่ทำงานให้กับกองทัพ

      ผู้เชี่ยวชาญยังรู้สึกประหลาดใจที่นายทรัมป์เลือกแกบบาร์ด มานั่งในเก้าอี้ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ แกบบาร์ด มีประสบการณ์โดยตรงค่อนข้างน้อยในงานด้านข่าวกรองและไม่เคยได้รับการคาดหมายว่า จะมาดำรงตำแหน่งในหน่วยงานนี้ ซึ่งดูแลหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับข่าวกรอง 18 หน่วยงานด้วยกัน เธอเคยถูกส่งไปประจำการในอิรักระหว่างปี 2004-2005 และมียศพันตรีในกองกำลังพิทักษ์ดินแดนของรัฐฮาวายและขณะนี้มียศพันโทในกองกำลังสำรองของกองทัพบกสหรัฐ เธอแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยที่สหรัฐแทรงแซงในซีเรีย เธอถึงขั้นเดินทางอย่างลับ ๆ ไปพบกับประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรียเมื่อเดือนมกราคม 2017 ผู้นำซีเรียเป็นผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยฃนอย่างกว้างขวาง การเดินทางของเธอถูกตำหนิจากสมาชิกรัฐสภาทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน

      อีกหนึ่งคนที่สร้างความประหลาดใจไม่น้อยกับผู้เชี่ยวชาญและนักสังเกตุการณ์ทางการเมืองคือนายแกตซ์ ที่จะมาเป็นรัฐมนตรียุติธรรม เขาไม่เคยทำงานที่กระทรวงยุติธรรมมาก่อน หรือ เป็นอัยการมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นเขายังถูกกระทรวงยุติธรรมสอบสวนในข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการค้าทางเพศ

      จากรายชื่อเหล่านี้ดูเหมือนว่า นายทรัมป์ใช้การเลือกด้วยเหตุผลส่วนตัวมากกว่าการสรรหาตามรูปแบบปกติ และเน้นผู้ที่มีความภักดีที่จะไม่ขัดคำสั่งหรือขัดขวางนโยบายที่เป็นประเด็นร้อนของเขา แต่ทั้งหลายทั้งปวงแล้ว การเลือกสรรคณะรัฐมนตรีของเขาเป็นสัญญาณให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงแบบถอนรากถอนโคนเกี่ยวกับแนวทางของรัฐบาลสหรัฐที่จะบริหารงานและบทบาทของอเมริกาต่อโลกในช่วงระยะเวลา 4 ปี ต่อจากนี้.-813.-สำนักข่าวไทย

      UPDATE 15 November 2024

      ดูข่าวเพิ่มเติม

      Top Viewed • อ่านมากสุด

      ดูทั้งหมด

      พระขโมยรถยนต์โยมวันเข้าพรรษา

      กาฬสินธุ์ 12 ก.ค.-วงการผ้าเหลืองไม่แผ่ว พระหนุ่มขโมยรถยนต์ญาติโยมที่มาทำบุญวันเข้าพรรษา ถูกตำรวจสกัดจับได้ทันควัน ตำรวจ สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ สกัดจับรถเก๋งสีดำคันบริเวณสี่แยกไฟแดง อ.สมเด็จ หลังรับแจ้งว่าพระสงฆ์หนุ่มแอบขโมยรถจากญาติโยมที่มาทำบุญในวันเข้าพรรษา แล้วขับหนีมาทาง อำเภอสมเด็จ ตำรวจจึงออกสกัดจับจนเจอ ส่วนพระสงฆ์ที่ก่อเหตุมีอาการพูดจาวกไปวนมา ตำรวจจึงนำตัวมาสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก และแจ้งให้เจ้าของรถมารับรถคืน เตรียมดำเนินคดีกับพระรูปนี้ต่อไป หลังสึกจากการเป็นพระ.-สำนักข่าวไทย

      น้ำป่าทะลักท่วมแพร่ บ้านเรือนเสียหายหนัก

      แพร่ 12 ก.ค.-ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ จ.แพร่ น้ำป่าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรช่วงกลางดึก เสียหาย 2 อำเภอ เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่ชุมชนในตำบลแดนชุมพล จังหวัดแพร่ และอำเภอร้องกวางบางส่วน เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลุ่มและแนวทางน้ำธรรมชาติที่รับน้ำจากภูเขาและป่าใกล้เคียง ปริมาณน้ำที่หลากเข้ามาเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดช่วงคืนที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านไม่ทันตั้งตัว ทรัพย์สินของประชาชนบางส่วนได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะบ้านโทกค่า อำเภอสอง จังหวัดแพร่ หลายหลังคาเรือนได้รับผลกระทบเนื่องจาก ไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้มาก่อน ปีนี้น้ำมากกว่าทุกปี ทำให้เก็บข้าวของไม่ทัน ได้รับความเสียหาย ครั้งสุดท้ายที่เคยท่วม ตั้งแต่ปี 2538 .-สำนักข่าวไทย

      สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

      กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

      มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ปมมีชื่อพระโผล่คลิปสีกา ก.

      กรุงเทพฯ 11 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ เผยกรณีปรากฏชื่อ “พระปริยัติธาดา” ในคลิปพัวพันสีกา ก. มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร จากกรณีปรากฏรายชื่อพระในคลิปมีความสัมพันธ์กับ “สีกา ก.” จนถึงขั้นปาราชิก หนึ่งในนั้นคือ พระปริยัติธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และมีรายงานข่าวว่าท่านหายตัวจากวัดหลังจากตกเป็นข่าว ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังวัดกัลยาณมิตรฯ พบว่าพระของวัดทุกรูปลงโบสถ์เพื่อประกอบศาสนกิจเนื่องในวันเข้าพรรษา ภายในพระอุโบสถ ภายหลังประกอบศาสนกิจลงโบสถ์ของพระวัดกัลยาณมิตรฯ เสร็จสิ้น พระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ ได้ถ่ายรูปกับพระใหม่และพระสงฆ์ในวัด และให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปถ่ายภาพ พร้อมกับพูดคุยเบื้องต้น กรณีปรากฏชื่อของพระปริยัติธาดา เป็นหนึ่งในบุคคลในคลิปที่เกี่ยวข้องกับสีกา ก. ว่าส่วนตัวไม่ทราบ คนเราไม่ได้รู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่น มองเป็นเรื่องธรรมชาติในสังคมที่มีทั้งคนดีและไม่ดี เรื่องนี้เป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร และอยากถาม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เพื่อขอดูคลิปที่กล่าวอ้าง ถ้าภาพมันชัดเจนก็ต้องออกตามกฎ ซึ่งใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น เมื่อถามว่า พระปริยัติธาดา ออกไปจากวัดตั้งแต่เมื่อไร พระพรหมกวี บอกว่า ท่านออกไปจากวัด 6-7 วันแล้ว ก็ออกไปเฉยๆ ไม่ได้สึกออกไป และไม่รู้ว่าตอนนี้สึกหรือยัง แต่หากจะสึกต้องแจ้งมาที่วัด […]

      ข่าวแนะนำ

      พระปรางค์วัดอรุณ

      ข่าวดี “พระปรางค์วัดอรุณฯ” ได้รับบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลก

      กรุงเทพฯ 13 ก.ค.- “แพทองธาร” เผยข่าวดี “พระปรางค์วัดอรุณฯ” ได้รับบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลกของยูเนสโกแล้ว นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยที่ได้ร่วมเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า “ข่าวดีของคนไทย “พระปรางค์วัดอรุณ ราชวรารามราชวรมหาวิหาร” ได้รับการบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลก (Tentative List) ของยูเนสโกแล้วค่ะ ดิฉันได้รับรายงานจากคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ณ กรุงปารีส แจ้งว่า ที่ประชุมได้รับทราบว่าพระปรางค์วัดอรุณฯ เป็นหนึ่งในรายชื่อบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการยกระดับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอย่างสมบูรณ์ในอนาคต กระทรวงวัฒนธรรมมอบหมายให้กรมศิลปากรดำเนินการจัดทำเอกสารเสนอชื่อ (Nomination Dossier) ควบคู่กับการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และจัดการพื้นที่ตามหลักสากล เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ขั้นตอนต่อไป ความคืบหน้านี้เป็นมากกว่าการอนุรักษ์สถานที่ แต่คือการยืนยันอัตลักษณ์ไทยที่งดงามและทรงคุณค่าในสายตาชาวโลก นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ที่ได้ร่วมเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่นี้” .-316 สำนักข่าวไทย

      ตรวจสอบรายรับรายจ่ายวัดใหญ่จอมปราสาท

      สมุทรสาคร 13 ก.ค. – เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบรายรับรายจ่ายของวัดใหญ่จอมปราสาท นำมาเทียบกับเส้นเงินของของเจ้าอาวาสที่หนีไป หลังตรวจพบโอนเงินให้สีกา ก. กว่า 1 ล้านบาท ที่วัดใหญ่จอมปราสาท ต.ท่าจีน อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พร้อมด้วย พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. นำคณะเข้าพบ พระครูสาครสุตกิจ เจ้าคณะตำบลท่าฉลอม เจ้าอาวาสวัดน้อยนางหงษ์ คณะพระสงฆ์ (พระลูกวัด) วัดใหญ่จอมปราสาท ผู้นำชุมชน และคณะกรรมการวัด เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ระบบการเงินในวัดใหญ่จอมปราสาท เพื่อนำไปเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสอบเส้นทางการเงินของพระมหาทิวากร เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ที่ตรวจพบว่าได้โอนเงินกว่า 1 ล้านบาทไปให้สีกา ก. แต่ยังไม่มีเรื่องชู้สาวเข้ามาเกี่ยวข้อง ประเด็นที่ต้องการทราบเพิ่มเติมคือ เงินที่โอนให้สีกาเป็นเงินส่วนไหน แล้วเงินวัดมีรายรับจากที่ใดบ้าง มีรายจ่ายอย่างไร รวมถึง เงินวัดนั้นเข้าบัญชีใคร มีไวยาวัจกรณ์เบิกจ่ายหรือไม่ หรือใครเป็นผู้ทำหน้าที่รับและเบิกจ่ายเงินทั้งหมด ผู้ใหญ่บ้านชี้แจงว่า ทางวัดยังไม่มีไวยาวัจกรวัดคนใหม่ หลังจากคนเก่าลาออกไปเล่นการเมืองท้องถิ่น ส่วนเงินวัดนั้นเจ้าอาวาสเป็นผู้บริหารแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเงินวัดก็จะมีรายรับมาจากให้ที่จอดเรือบริเวณหน้าวัด ประมาณเดือนละ […]

      รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

      นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

      มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

      กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]