กรุงเทพฯ 25 ส.ค.-ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยมองนายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติงานตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญไม่ทำให้เศรษฐกิจไทยตกช่วงครึ่งหลังปีนี้ จับตาอีก 1 เดือนผลคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาเช่นไร เชื่อหากไม่มีการชุมนุมรุนแรงเศรษฐกิจไทยปีนี้โตได้ถึงร้อยละ 3 – 3.5
รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยกล่าวถึงภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องปมการดำรงตำแหน่งครบ 8 ปี ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไว้พิจารณา และให้หยุดปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีตั้งแต่วันนี้ (24 ส.ค.) ว่า โดยภาพร่วมแม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฎิบัติหน้าที่เพื่อรอคำพิจารณาตัดสินภายใน 1 เดือนหรือช่วงปลายเดือนกันยายนที่จะถึงนี้นั้น คาดว่าทิศทางการบริหารประเทศนับจากนี้ที่ให้พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี อาวุโส อันดับ 1 รักษาการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีนั้น คงจะไม่มีการออกนโยบายใหม่ๆ ที่จะกระตุ้นด้านเศรษฐกิจมากนัก โดยจากแนวทางที่ทำอยู่ขณะนี้ถือว่าเป็นทิศทางที่ทำให้เศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว เช่น การท่องเที่ยวเริ่มมีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามาไทยอย่างต่อเนื่องและจะเพิ่มมากขึ้นในช่วงปลายปีนี้
นอกจากนี้ ในส่วนของภาคการส่งออกสินค้าไทยยังเติบโตไม่มีผู้ส่งออกรายใดแจ้งว่าการส่งออกลดลงแม้แต่รายเดียว ทำให้เชื่อว่า ทั้งการท่องเที่ยวและการส่งออกของไทยจะเป็นเครื่องจักรสำคัญที่จะผลักดันเศรษฐกิจปีนี้ให้เติบโต โดยคาดว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสที่ 4 จะเป็นบวกได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 4 และส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 3-3.5
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องติดตามผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญอีก 1 เดือนข้างหน้าหากผลของศาลรัฐธรรมนูญให้นายกหยุดปฏิบัติหน้าที่ในขั้นตอนต่อไปก็ต้องสรรหานายกรัฐมนตรีก็ต้องดูว่าใครจะได้รับการพิจารณาและได้นายกรัฐมนตรีใหม่แล้วจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ หากมีการปรับ ครม. ก็ต้องดูว่า ทีมเศรษฐกิจจะเปลี่ยนแปลงเป็นใครเสียงตอบรับดีหรือไม่ หากเป็นบุคคลที่ยอมรับก็เชื่อว่า จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น และที่สำคัญหากไม่มีการชุมนุมของแต่ละกลุ่มรุนแรงก็จะทำให้การท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอยในช่วงครึ่งหลังปีจะดีขึ้นอย่างแน่นอน.-สำนักข่าวไทย