กรุงเทพฯ 24 ส.ค. – แม่ค้าขายพริก และหลานสาว นำหลักฐานเข้าร้องทุกข์กับทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ หลังถูกโอนเงินเก็บทั้งชีวิตออกไปจากบัญชี 999,999 บาท มีการแจ้งความที่ สภ.คูคต แต่คดีไม่คืบหน้า ไม่สามารถตามเงินจำนวนดังกล่าวกลับมาได้
โดยเล่าว่า เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมาซึ่งเป็นวันตรุษจีน มีญาติมาร่วมสังสรรค์ที่บ้านจนดึก จนกระทั่งข้ามเข้าสู่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ประมาณเวลา 01.00 น. ก็มีการโอนเงินเกือบ 1 ล้านบาท ออกจากบัญชี โดยที่ไม่มีข้อความแจ้งเตือน มารู้ตัวอีกทีเวลาก็ผ่านมาเกือบครึ่งเดือน
หลานสาว บอกว่าหลังรู้ว่าเงินของยายหายไปก็ไปแจ้งความ แต่คดีไม่คืบหน้า จึงไล่ตรวจสอบเส้นทางการเงินด้วยตนเอง โดยดูจากสเตทเมนต์ และพบว่าเงินถูกโอนเข้าบัญชีคนลาว 2 ครั้ง รวม 999,999 บาท จึงพยายามติดต่อเจ้าของบัญชี ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่าเอาบัญชีไปให้เพื่อนชาวกัมพูชาใช้ ต่อมาชาวกัมพูชาก็อ้างว่าขายบัญชีให้กับชาวไทยที่ตลาดสี่มุมเมือง
โดยบัญชีดังกล่าวยังได้โอนเงินของยายไปอีกบัญชีในจังหวัดสุโขทัย ซึ่งเจ้าของบัญชีเสนอจะคืนเงิน 140,000 บาท ที่ถูกโอนเข้าบัญชีตนเอง แต่ผู้เสียหายไม่รับและยืนยันจะดำเนินคดี นอกจากนี้ยังมีเงินอีกส่วนหนึ่งถูกกดจากเอทีเอ็มที่ตลาดสี่มุมเมือง ย่านรังสิต และหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านคลองหลวง คลอง 11 จังหวัดปทุมธานี เมื่อไปติดต่อธนาคารขอดูกล้องวงจรปิดตู้เอทีเอ็ม ก็พบว่าภาพถูกลบไปแล้ว เนื่องจากเกินระยะเวลาเก็บข้อมูล 60 วัน
ทั้งนี้ ทนายษิทราตั้งข้อสงสัยไว้ว่าสิ่งที่น่าสนใจ คือ หลานสาวอีกคนอายุ 20 ปี ซึ่งมางานเลี้ยงก่อนเกิดเหตุ มีบ้านอยู่หมู่บ้านเดียวกับที่มีการกดเงิน และบัญชีชาวลาวที่โอนเงินไป ตัวหลานสาวก็เคยโอนเงินจากบัญชีตนเองเข้าไปบัญชีดังกล่าวก่อนเกิดเหตุ 50 บาท และหลังเกิดเรื่องหลานคนนี้ก็ไม่ติดต่อมาอีกเลย ดังนั้นจะประสานตำรวจให้เรียกหลานคนนี้มาสอบปากคำ. -สำนักข่าวไทย