วอชิงตัน 12 ก.ค.- กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐเริ่มปลดคนทำงานมากกว่า 1,350 คน ตามนโยบายของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ที่ต้องการยกเครื่องคณะทูตานุทูต ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่าจะบั่นทอนความสามารถของสหรัฐในการปกป้องและส่งเสริมผลประโยชน์ของสหรัฐในต่างประเทศ การปลดคนทำงานที่เริ่มตั้งแต่วันศุกร์ตามเวลาสหรัฐ กระทบเจ้าหน้าที่พลเรือน 1,107คน และเจ้าหน้าที่การทูตที่ประจำการอยู่ในสหรัฐ 246 คน ผู้ถูกเลิกจ้างได้รับรายงานตรวจสอบการแยกทางความยาว 5 หน้ากระดาษที่แจ้งว่า จะไม่สามารถเข้าอาคารและอีเมลตั้งแต่เวลา 17.00 น.วันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่ด้านนอกอาคารมีกลุ่มคนมาชูป้ายและปรบมือให้กำลังใจผู้ที่ถูกเลิกจ้าง บันทึกภายในของกระทรวงต่างประเทศระบุว่า กระทรวงกำลังปรับเปลี่ยนการทำงานภายในประเทศให้มีความคล่องตัวมากขึ้น เพื่อมุ่งเน้นภารกิจสำคัญทางการทูต การลดจำนวนคนทำงานได้ผ่านการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนให้มีผลเฉพาะหน้าที่ที่ไม่จำเป็น หน่วยงานที่ซ้ำซ้อนและเกินความจำเป็น และหน่วยงานที่ต้องเพิ่มประสิทธิภาพ โดยจะมีการลดจำนวนคนทั้งหมดเกือบ 3,000 คน รวมทั้งผู้สมัครใจลาออก จากจำนวนคนทำงานที่อยู่ในสหรัฐทั้งสิ้น 18,000 คน สว.ทิม เคน รัฐเวอร์จิเนียจากพรรคเดโมแครตแถลงวิจารณ์ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์และนายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศกำลังทำให้สหรัฐอเมริกาปลอดภัยและมั่นคงน้อยลงอีกครั้ง เพราะตัดสินใจในช่วงที่จีนกำลังเพิ่มบทบาททางการทูตทั่วโลกและสร้างเครือข่ายฐานทัพทางการทหารและการคมนาคมในต่างประเทศ ขณะที่รัสเซียกำลังเดินหน้าทำสงครามที่โหดร้ายกับประเทศอธิปไตย และตะวันออกกลางกำลังเหวี่ยงจากวิกฤตหนึ่งไปสู่อีกวิกฤตหนึ่ง นายรูบิโอประกาศแผนการปรับองค์กรเมื่อเดือนเมษายนว่า จะคืนอำนาจให้แก่สำนักงานระดับภูมิภาคและสถานทูต จะขจัดโครงการและสำนักงานที่ไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์หลักของสหรัฐ แผนการนี้จะนำมาซึ่งการยุติบทบาทของเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงพลเรือน ประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชน และการปิดสำนักงานบางแห่งที่ติดตามเรื่องอาชญากรรมสงครามและความขัดแย้งทั่วโลก.-814.-สำนักข่าวไทย