ไทเป 25 ม.ค.- ชาวยุโรปตะวันออก 3 คนถูกตัดสินจำคุก 5 ปีในไต้หวันโทษฐานใช้มัลแวร์โจรกรรมเงินกว่า 2.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 91.69 ล้านบาท) จากเครื่องเบิกเงินสดอัตโนมัติ (เอทีเอ็ม) ของธนาคารท้องถิ่นแห่งหนึ่ง
ศาลแขวงไทเปตัดสินว่า ผู้ต้องสงสัย 3 คนประกอบชาวลัตเวีย โรมาเนีย และมอลโดวา มีความผิดข้อหาสร้างความเสียหายให้แก่สาธารณะด้วยการละเมิดความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ จึงสั่งจำคุกคนละ 5 ปี ปรับคนละ 19,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 670,190 บาท) และจะถูกเนรเทศหลังรับโทษจนครบกำหนด เจ้าหน้าที่ศาลชี้แจงว่า ศาลถือว่าการถอนเงินธนาคารโดยผิดกฎหมายถือเป็นการกระทำความผิดกรณีเดียว ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี จึงไม่สามารถตัดสินจำคุก 12 ปี ตามที่อัยการยื่นขอได้
อัยการระบุว่า คดีนี้เป็นคดีอาชญากรรมข้ามชาติคดีแรกในไต้หวันที่คนร้ายฝังมัลแวร์ซึ่งเป็นซอฟท์แวร์ประสงค์ร้ายไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ของธนาคาร เหตุเกิดเมื่อเดือนกรกฎาคมปีก่อน แก๊งคนร้ายแบ่งออกเป็น 2 ทีมตระเวนเบิกเงินสดจากตู้เอทีเอ็มของธนาคารเฟิร์สท์คอมเมอร์เชียลทั้งหมด 41 แห่งใน 3 เมืองของไต้หวัน ใช้เวลาแห่งละ 5-10 นาที เพราะพบช่องโหว่ด้านความปลอดภัยในเซิร์ฟเวอร์ของสาขาธนาคารแห่งนี้ที่ตั้งอยู่ในกรุงลอนดอนของอังกฤษ จึงได้ใช้เซิร์ฟเวอร์นี้เป็นช่องทางในการฝังมัลแวร์ ทางการไต้หวันได้ขึ้นบัญชีผู้ต้องสงสัยอีก 19 คนที่ได้เดินทางออกนอกไต้หวันไปแล้ว
สำนักข่าวเอเอฟพีอ้างตำรวจไทยว่า สันนิษฐานว่าแก๊งที่ก่อเหตุในไต้หวันพัวพันกับแก๊งคนร้ายต่างชาติที่ตระเวนเบิกเงินสด 12 ล้านบาทจากตู้เอทีเอ็มของธนาคารออมสินในไทยเมื่อเดือนสิงหาคมปีก่อน.- สำนักข่าวไทย