20 พ.ย.-สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ในหลายประเทศทั่วโลกรุนแรงหนัก จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตรายวันเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
รัฐมนตรีกระทรวงอาหารและสาธารณสุขของฮ่องกงระบุ สถานการณ์โควิด-19 ในฮ่องกงกำลังรุนแรงมากและอาจจะกำลังเผชิญการระบาดของไวรัสระลอกที่ 4 วันนี้ฮ่องกงมีผู้ติดเชื้อรายใหม่กว่า 50 ราย ล่าสุดฮ่องกงมีผู้ติดเชื้อสะสม 5,517 รายและผู้เสียชีวิตสะสม 108 ราย ทำให้ทางการต้องสั่งปิดชั้นเรียนตั้งแต่ประถม 1 ถึงประถม 3 นาน 2 สัปดาห์ตั้งแต่วันจันทร์หน้า ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งมีการสั่งปิดโรงเรียนอนุบาลมาแล้ว
ที่เกาหลีใต้ นายกรัฐมนตรีช็อง เซ-กยุนเรียกร้องให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการออกมารวมตัวและเตือนว่า อาจจำเป็นต้องใช้มาตรการเข้มงวดมากขึ้นหากไม่สามารถควบคุมการระบาดระลอกใหม่ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อวานนี้สำนักงานป้องกันและควบคุมโรคของเกาหลีใต้ระบุว่า เกาหลีใต้กำลังเผชิญกับการระบาดของไวรัสระลอกที่ 3 โดยเมื่อวานนี้มีผู้ติดเชื้อ 363 ราย นับเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันที่มีผู้ติดเชื้อเกิน 300 คน
ส่วนเม็กซิโกกลายเป็นประเทศที่ 4 ในโลกที่มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เกิน 100,000 รายตามหลังสหรัฐ บราซิลและอินเดีย ก่อนหน้านี้ไม่ถึง 1 สัปดาห์ เม็กซิโกเพิ่งจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อเกิน 1 ล้านราย แต่เจ้าหน้าที่รัฐยอมรับว่า ตัวเลขที่แท้จริงอาจสูงกว่านี้มาก
ภาพรวมสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกมียอดผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 57 ล้าน 3 แสนราย เฉพาะเมื่อวานนี้มีผู้ติดเชื้อกว่า 647,000 ราย นับเป็นวันที่ 9 ติดต่อกันที่มีผู้ติดเชื้อเกิน 500,000 ราย ส่วนยอดผู้เสียชีวิตสะสมกว่า 1,360,000 ราย
ขณะเดียวกัน นาย โจไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ให้คำรับประกันว่า ถึงแม้ว่าสถานการณ์โควิดในสหรัฐจะกำลังเข้าขั้นวิกฤติอย่างรุนแรง มีผู้ติดเชื้อ 12 ล้านคน เสียชีวิต 250,000 คน แต่เขาก็จะไม่ประกาศมาตรการล็อกดาวน์เมืองโดยเด็ดขาด เพราะการล็อกดาวน์เป็นวงกว้าง จะก่อผลเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล แต่ไบเดนย้ำว่าการจำกัดจำนวนคนเข้าร้านอาหาร ร้านค้า หรือสถานที่สาธารณะอื่นๆ ยังเป็นสิ่งจำเป็น และช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้า ขอให้ทุกคนอยู่แต่ในบ้าน
และเมื่อวานนี้ นายไบเดน และนางแฮริส ยังได้ประชุมทางไกลกับบรรดาผู้ว่าการรัฐ ทั้งจากพรรครีพับลิกัน และเดโมแครต โดยให้คำรับประกันว่า ทุกๆ รัฐจะต้องได้รับความช่วยเหลือทุกวิถีทางในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดหนักของโรคโควิด-19 พร้อมตำหนินายทรัมป์ ที่ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง จนส่งผลให้เขาไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารในโครงการวัคซีนเร่งด่วน หรือ “Operation Warp Speed” ที่นายทรัมป์ ไปจับมือกับบริษัทยาเอกชน เร่งผลิตวัคซีน จนได้ผลเป็นที่น่าพอใจ นางแฮริส ระบุว่า เมื่อคำนึงถึงโรคระบาดร้ายแรง และการเร่งฟื้นเศรษฐกิจชาติ ต้องไม่มีคำว่ารีพับลิกัน หรือเดโมแครต โดยอเมริกาต้องผนึกกำลังเป็นหนึ่งเดียว การไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งของทรัมป์ นับวันยิ่งไร้ผล โดยรัฐจอร์เจียเผยผลนับคะแนนใหม่ด้วยมือทั้งหมดกว่า 5 ล้านใบ ยืนยันว่านายไบเดนชนะ และไม่มีการโกงการเลือกตั้ง
ทั้งนี้คดีความการร้องเรียนผลการเลือกตั้งในทุกรัฐที่นายทรัมป์ยื่นฟ้อง จะต้องยุติลงก่อนวันที่ 14 ธันวาคมนี้ ซึ่งเป็นวันที่คณะผู้เลือกตั้งทั้ง 538 คนจากทุกรัฐ จะต้องมาประชุมกันเพื่อลงคะแนนเลือกประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ โดยการลงคะแนนจะเป็นไปตามคะแนนเสียงผู้ชนะคะแนน Popular Vote ในรัฐนั้น แต่ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ นายทรัมป์จะมีกลยุทธ์อื่นใดมาขัดขวางการลงคะแนนได้อีกหรือไม่ คงต้องรอดูกัน
โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกอยู่ที่กว่า 57.3 ล้านคน มีผู้เสียชีวิตกว่า 1.3 ล้านคน รักษาหายกว่า 39.8 ล้านคน ส่วนสหรัฐอเมริกายังเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดในโลกล่าสุดตัวเลขอยู่ที่ 12 ล้าน 7 หมื่นคน ตามมาด้วย บราซิล ฝรั่งเศส รัสเซีย สเปน สหราชอาณาจักร อาร์เจนตินา อิตาลี โคลัมเบีย และเม็กซิโก โดยประเทศเหล่านี้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเกินกว่า 1 ล้านคน.-สำนักข่าวไทย