วอชิงตัน 13 ต.ค. – ยูเอส อีเลคชั่น โปรเจค ของมหาวิทยาลัยแห่งฟลอริดา รวบรวมข้อมูลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ระบุว่า ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงชาวอเมริกันมากกว่า 10 ล้านคน ได้ใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้าก่อนวันเลือกตั้งจริงในวันที่ 3 พฤศจิกายน
ตัวเลขผู้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้ามีจำนวนแซงหน้าการเลือกตั้งเมื่อปี 2016 การที่มีผู้ไปใช้สิทธิ์ล่วงหน้าที่เพิ่มสูงนี้เกิดขึ้นในขณะที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ส่งผลให้มีการไปใช้สิทธิ์ล่วงหน้าและลงคะแนนเสียงทางไปรษณีย์กันมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่สนับสนุนพรรคเดโมแครต ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน แสดงความเห็นว่าไม่เชื่อมั่นในการลงคะแนนเสียงทางไปรษณีย์ และมีหลายครั้งที่เขากล่าวหาโดยไม่ได้แสดดงหลักฐานว่า มีการฉ้อโกงอย่างกว้างขวาง ก่อนหน้าการเลือกตั้งที่เขาแข่งขันกับนายโจ ไบเดน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต ข้อมูลของมหาวิทยาลัยแห่งฟลอริดา กล่าวว่า นับจนถึงคืนวันจันทร์ ชาวอเมริกันเกือบ 10.4 ล้านคน ไปลงคะแนนเสียงล่วงหน้าในรัฐที่รายงานข้อมูลการเลือกตั้งล่วงหน้า ในขณะที่เมื่อเปรียบเทียบกับการเลือกตั้งเมื่อปี 2016 โดย ณ วันที่ 16 ตุลาคม 2016 มีผู้ไปใช้สิทธิ์ล่วงหน้าเพียง 1.4 ล้านคนเท่านั้น
ทางด้านนายทรัมป์ ได้เริ่มการตระเวนหาเสียงเลือกตั้งอีกครั้งเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการปราศรัยหาเสียงครั้งแรกนับตั้งแต่เขาประกาศว่าติดเชื้อโควิด-19 โดยจุดหมายแรกคือการหาเสียงที่เมืองแซนฟอร์ด ในรัฐฟลอริดา เขาปรากฎตัวโดยไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย ต่อหน้าผู้สนับสนุนหลายพันคนยืนติดกันไหล่ชนไหล ส่วนใหญ่ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย ในระหว่างการปราศรัยหาเสียงเป็นเวลา 1 ชั่งโมง เขากล่าวซ้ำว่า เขาหายจากโควิด-19 แล้ว เขามีภูมิคุ้มกันและรู้สึกแข็งแรงมาก ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่ชั่วโมง แพทย์ประจำทำเนียบขาวกล่าวว่า นายทรัมป์ เข้ารับการตรวจไวรัสโควิด-19 และผลออกมาเป็นลบ ซึ่งเป็นผลลัพธ์เช่นนี้ติดต่อกันหลายวันแล้ว และเขาจะไม่แพร่เชื้อโควิด-19 ให้กับผู้อื่นอย่างแน่นอน หลังจากการหาเสียงที่ฟลอริดาแล้ว นายทรัมป์ยังมีกำหนดที่จะขึ้นเวทีปราศรัยที่รัฐเพนซิลเวเนีย, ไอโอวา, นอร์ธ แคโรไลนา และจอร์เจีย ในสัปดาห์นี้.-สำนักข่าวไทย