เมลเบิร์น 22 ก.ค. – ผู้อยู่อาศัยในนครเมลเบิร์น เมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับสองของออสเตรเลีย ต้องสวมหน้ากากเมื่อออกจากบ้านตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หลังจากมีผู้ป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
รายงานระบุว่า ไวรัสได้แพร่ไปยังบ้านพักคนชราและเรือนจำบางแห่งแล้ว ขณะที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ รัฐเพื่อนบ้าน ก็ได้ใช้มาตรการจำกัดที่เข้มงวดขึ้นตามพรมแดน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรค
จากนี้ไปการเดินทางข้ามพรมแดนระหว่างรัฐวิกตอเรียและรัฐนิวเซาท์เวลส์จะอนุญาตให้เฉพาะเพื่อไปทำงาน เรียน หรือรักษาพยาบาลเท่านั้น โดยเจ้าหน้าที่หรือนักเรียนที่เดินทางจากรัฐวิกตอเรียเข้ารัฐนิวเซาท์ เวลส์ เพื่อเข้าเรียนหรือเข้าทำงานในโรงเรียนประจำหรือมหาวิทยาลัยจะต้องแยกกักตัวเป็นเวลา 2 สัปดาห์ และต้องมีผลตรวจว่าปลอดเชื้อ และไม่อนุญาตให้คนงานตามฤดูกาลจากรัฐวิกตอเรียเข้ารัฐนิวเซาท์เวลส์
รัฐวิกตอเรียมีผู้ป่วยโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันแล้วทั้งหมด 6,300 คน หรือคิดเป็นครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อทั้งหมดในออสเตรเลีย โดยออสเตรเลียมีผู้ป่วยสะสมแล้ว เกือบ 12,500 คน เสียชีวิต 126 คน นับตั้งแต่เกิดการระบาดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และแม้สถานการณ์โดยรวมจะดีกว่าประเทศร่ำรวยหลายประเทศ แต่ทางการกำลังกังวลเรื่องการแพร่กระจายของโรคในนครเมลเบิร์น.- สำนักข่าวไทย