สหรัฐ 26 มิ.ย.- จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐ กลับมาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง ขณะที่องค์การอนามัยโลกเตือนว่าโรคโควิด-19 ยังมีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรง
สหรัฐต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของโรคโควิด-19 อีกครั้ง ล่าสุดเมื่อวานนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มกว่า 40,000 คนซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับเมื่อช่วงที่มีการแพร่ระบาดวิกฤติสุดเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา พื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดรุนแรงในขณะนี้อยู่ในรัฐต่างๆ ทางภาคใต้และตะวันตก
เวลานี้สหรัฐมีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 2.5 ล้านคน และเสียชีวิตเกือบ 127,000 คน มากเป็นอันดับ 1 ของโลก ทั้งผู้ติดเชื้อและเสียชีวิต ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าสาเหตุที่ทำให้การควบคุมโรคไม่ได้ผลเป็นเพราะการรับมือของทางการที่ขาดความต่อเนื่อง ทั้งยังหย่อนยานเรื่องการสวมหน้ากากและการเว้นระยะห่างทางสังคม
รัฐเท็กซัสเป็น 1 ใน 29 รัฐที่พบว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น โดยพบว่าผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าในช่วงเวลาเพียง 2 สัปดาห์ เมื่อวานนี้มีผู้ป่วยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มเกือบ 4,400 คนสูงสุดเป็นสถิติใหม่ติดต่อกันเป็นวันที่ 13
ขณะที่นายเกร็ก แอบบ็อท ผู้ว่าการรัฐ เรียกร้องให้ประชาชนสวมหน้ากาก แต่ไม่มีการออกคำสั่งบังคับใช้ทั่วรัฐ ขณะเดียวกันก็ตัดสินใจชะลอการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคเฟสใหม่ออกไปก่อนหลังจากเริ่มผ่อนคลายมาตรการบางส่วนไปก่อนหน้านี้
ส่วนที่ยุโรปซึ่งสถานการณ์กำลังดีขึ้นตามลำดับแต่ละประเทศเตรียมจะเปิดพรมแดนระหว่างกันตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไป แต่คาดว่าชาวอเมริกันจะยังไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ายุโรปกว่า 30 ประเทศ เนื่องจากสหรัฐยังมีการแพร่ระบาดรุนแรง และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็มีนโยบายห้ามชาวยุโรปเดินทางเข้าสหรัฐ
ด้านนายทีโดรส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก มีคำเตือนว่าประเทศในสหภาพยุโรปควรจะมีมาตรการคุมเข้มต่อไปเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดรอบใหม่และบอกด้วยว่าเวลานี้โรคโควิด-19 ยังคงมีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงอยู่ ส่วนความพยายามของนานาชาติในการพัฒนาวัคซีนนั้น นายเกเบรเยซุสบอกว่าเรื่องนี้ควรจะเป็นฉันทามติทางการเมืองว่าทุกประเทศทั่วโลกจะต้องเข้าถึงวัคซีนได้อย่างเท่าเทียมกัน.-สำนักข่าวไทย