ลาตินอเมริกา 11 มิ.ย.- ภูมิภาคลาตินอเมริกายังคงเผชิญกับการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของโรคโควิด-19 ขณะที่องค์การอนามัยโลกชี้โรคนี้จะยังแพร่ระบาดต่อไปอีกนาน
สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในภูมิภาคลาตินอเมริกายังไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลายลง ล่าสุดทั่วทั้งภูมิภาคมีผู้เสียชีวิตรวมแล้วเกินกว่า 70,000 คน โดยบราซิลมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดเกือบ 40,000 คนแล้ว และมากเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐ ขณะที่มีผู้ติดเชื้อสะสมเกือบ 780,000 คน แม้ว่าสถานการณ์แพร่ระบาดยังน่าวิตก แต่บราซิลก็เริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคแล้ว ล่าสุดนครเซาเปาโลเริ่มเปิดร้านค้าและมีประชาชนออกมาจับจ่ายสินค้าราคาถูกกันเป็นจำนวนมาก ขณะที่ทางร้านมีการตรวจวัดอุณหภูมิและบริการเจลล้างมือให้แก่ลูกค้า
ขณะที่ชิลีเป็นประเทศหนึ่งที่มีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรง ล่าสุดทางการตัดสินใจขยายมาตรการกักกันโรคในกรุงซานติอาโกออกไปอีกหลังพบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น ล่าสุดชิลีมียอดผู้ติดเชื้อสะสมเกือบ 150,000 คน และมีผู้เสียชีวิตเกือบ 2,500 คน
ส่วนที่อาร์เจนตินาสถานการณ์ยังน่าเป็นห่วงจำนวนผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดพบว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มกว่า 1,000 คนภายในวันเดียวเป็นครั้งแรก จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมราว 26,000 คน และมีผู้เสียชีวิต 735 คน โดยกรุงบัวโนสไอเรสเป็นพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดรุนแรงที่สุด แม้จะมีการขยายมาตรการล็อกดาวน์ก็ตาม
ด้านองค์การอนามัยโลกระบุว่า โรคโควิด-19 จะมีการแพร่ระบาดต่อไปอีกนาน นายไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการโครงการฉุกเฉินด้านสาธารณสุขขององค์การอนามัยโลก กล่าวว่า เวลานี้โรคโควิด-19 ยังคงมีการแพร่ระบาดหนักขึ้นในหลายพื้นที่ของโลก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่ง ขณะที่นายทีโดรส อัดฮานอม เกรเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก กล่าวถึงเรื่องผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ไม่แสดงอาการป่วย แต่สามารถแพร่เชื้อได้ว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องศึกษาวิจัยเพิ่มเติม และเสริมด้วยว่าการค้นหาผู้ติดเชื้อ การแยกตัวออกจากคนอื่นยังคงเป็นแนวทางสำคัญในการยับยั้งการแพร่ระบาด.-สำนักข่าวไทย