สหรัฐ 6 พ.ค.- ผู้นำสหรัฐเรียกร้องให้มีการเปิดเศรษฐกิจโดยเร็ว เพื่อบรรเทาผลกระทบ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในสหรัฐพุ่งเกิน 70,000 คนไปแล้ว
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า ไม่สามารถจะปล่อยให้เศรษฐกิจของประเทศต้องถูกปิดเป็นเวลานานได้ พร้อมกันนี้ก็เรียกร้องให้แต่ละรัฐเร่งผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดในการควบคุมโรค เพื่อเปิดโอกาสให้ธุรกิจต่างๆ สามารถเปิดดำเนินการได้ ซึ่งจะบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลให้สหรัฐมีคนตกงานแล้วกว่า 30 ล้านคน อย่างไรก็ดี ทรัมป์ ยอมรับว่ามีความเป็นไปได้ที่อาจจะมีผู้เสียชีวิตมากขึ้นหลังการเปิดเศรษฐกิจ
ถ้อยแถลงของผู้นำสหรัฐมีขึ้นในระหว่างการตรวจเยี่ยมโรงงานผลิตหน้ากาก N95 ในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา ซึ่งเป็นการเดินทางออกนอกกรุงวอชิงตันเพียงไม่กี่ครั้งของนายทรัมป์ ในช่วง 2-3 เดือนมานี้ ขณะที่เจ้าตัวไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยแต่อย่างใด แม้จะมีคำแนะนำว่า ควรจะสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่ภายในโรงงานก็ตาม การเดินทางมายังเมืองฟีนิกซ์ ของนายทรัมป์ อาจถือได้ว่าเป็นสัญญาณของการกลับเข้าสู่ภาวะปกติของสหรัฐ ซึ่งจากนี้ไปผู้คนสามารถเดินทางได้ตามปกติอีกครั้ง หลังจากที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับบ้าน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคมานานถึง 7 สัปดาห์
ขณะเดียวกัน นายทรัมป์ ยังยืนยันด้วยว่า เวลานี้รัฐบาลมีแผนที่จะยุบคณะทำงานเฉพาะกิจในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งนำโดยรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ หลังจากที่สถานการณ์แพร่ระบาดในสหรัฐกำลังดีขึ้นตามลำดับ พร้อมทั้งกล่าวชื่มชมการทำงานของนายเพนซ์ และคณะทำงาน แต่ นพ.แอนโธนี เฟาชี และ พญ.เดโบรา เบิร์กซ์ จะยังทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของทำเนียบขาวต่อไป หลังจากที่ยุบคณะทำงานชุดนี้
ส่วนสถานการณ์แพร่ระบาดในสหรัฐ เมื่อวานนี้ มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2,350 คน ทำให้ยอดรวมเพิ่มเป็นกว่า 72,000 คนแล้ว และมีผู้ติดเชื้อเพิ่มอีกเกือบ 25,000 คน ยอดสะสมเพิ่มเป็นกว่า 1.2 ล้านคน มากเป็นอับดับ 1 ของโลก.-สำนักข่าวไทย