สหรัฐ 19 ธ.ค. – หลังสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติดำเนินการเพื่อถอดถอนโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี แต่โอกาสที่ทรัมป์จะหลุดจากตำแหน่งเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด ติดตามจากรายงาน
เริ่มต้นนับ 1 แล้ว กระบวนการถอดถอนทรัมป์ออกจากตำแหน่ง เมื่อสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมาก โหวตไฟเขียวถอดถอนทรัมป์ใน 2 ข้อหา คือ ใช้อำนาจโดยมิชอบ และขัดขวางการทำงานของรัฐสภา
เดโมแครตระบุว่า ทรัมป์ใช้อำนาจโดยมิชอบในการบีบให้ผู้นำยูเครนสอบสวนนายฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชายของโจ ไบเดน คู่แข่งทางการเมือง ที่มีแนวโน้มสูงจะได้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ แข่งกับทรัมป์ในปีหน้า โดยมีหลักฐานบทสนทนาทางโทรศัพท์ที่ทรัมป์เสนอความช่วยเหลือทางการทหารให้ยูเครน แลกกับการที่ยูเครนจะทำให้ครอบครัวไบเดนต้องเสียชื่อเสียงจากการถูกสอบสวนในคดีทำธุรกิจผิดกฎหมายในยูเครน
ส่วนข้อหาขัดขวางการทำงานของรัฐสภา คือ การที่ทรัมป์ไม่ให้ความร่วมมือ หรือไม่อนุญาตให้พยานปากสำคัญซึ่งเป็นคนใกล้ชิดตัวเขาไปให้การต่อสภา และยังปิดกั้นการเข้าถึงเอกสารสำคัญต่าง ๆ ด้วย
ผลการลงมติในสภาล่างวันนี้ ทำให้ทรัมป์มีชื่อจารึกในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐ ว่าเป็นประธานาธิบดีคนที่ 3 ที่ถูกสภาล่างลงมติให้ถอดถอนต่อจากนายแอนดรูว์ จอห์นสัน และนายบิล คลินตัน ต่อจากนี้กระบวนการอิมพีชเมนต์ จะเข้าสู่ขั้นตอนของวุฒิสภา คาดว่าจะเริ่มช่วงกลางเดือนมกราคมปีหน้านี้ โดยจอห์น รอเบิร์ต ประธานศาลฎีกา จะเป็นประธานคณะกรรมการไต่สวน สภาผู้แทนราษฎรจะทำหน้าที่อัยการหรือโจทก์ ทำเนียบขาวจะอยู่ในฐานะจำเลย และวุฒิสมาชิกทำหน้าที่ลูกขุน
การโหวตในชั้นวุฒิสภาสำคัญมาก จะเป็นตัวตัดสินชี้ชะตาอนาคตทรัมป์ โดยต้องใช้เสียงข้างมากถึง 2 ใน 3 คือ 67 เสียง จาก ส.ว. 100 คน ในวุฒิสภา ในการถอดถอนประธานาธิบดี ซึ่งตรงนี้ทรัมป์ได้เปรียบ เพราะพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา และสมาชิกพรรคของทรัมป์ก็เป็นปึกแผ่น แม้แต่การโหวตในสภาล่างวันนี้ก็ไม่มีใครโหวตแตกแถว มิตช์ แมคคอนแนล ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา ฟันธงว่า โอกาสถอดถอนทรัมป์แทบจะเป็นศูนย์ ขณะที่โพลหลายสำนักระบุว่า เสียงสนับสนุนและคัดค้านการถอดถอนทรัมป์มีพอๆ กัน. – สำนักข่าวไทย