ซานติอาโก 9 พ.ย. – ผู้ประท้วงในชิลีจุดไฟเผาอาคารภายในมหาวิทยาลัยและเข้าปล้นโบสถ์แห่งหนึ่งเมื่อวานนี้ ในระหว่างการประท้วงต่อต้านรัฐบาลอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเพื่อร้องเรียนเรื่องความไม่เท่าเทียมกันทางสังคมและเศรษฐกิจในประเทศชิลี
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ผู้ประท้วงปะทะกับตำรวจ ที่วางเครื่องกีดขวางเพื่อปกป้องมหาวิทยาลัยเปรโดร เอ วัลดิเวย ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเอกชน แต่หลังจากนั้นไม่นาน หลังคาไม้ของอาคารบริหารมหาวิทยาลัยที่มีอายุ 100 ปีก็เริ่มมีไฟลุกไหม้ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงพยายามจะเข้าดับไฟแต่ไม่สามารถเข้าไปถึงจุดต้นเพลิงได้เนื่องจากมีกลุ่มผู้ประท้วงขวางไว้ ในขณะเดียวกัน ไม่ห่างออกไปนัก กลุ่มผู้ประท้วงที่สวมผ้าปกคลุมศีรษะและใบหน้า ได้บุกเข้าปล้นโบสถ์ ลา อาซุนซีออน ซึ่งสร้างขึ้นในปี 1876 ลากเอาเฟอร์นิเจอร์ออกมาไว้กลางแจ้งและจุดไฟเผา ก่อนหน้านี้ ประชาชนหลายหมื่นคนได้ออกไปชุมนุมกันที่จตุรัสพลาซา อิตาเลีย ซึ่งกลายเป็นจุดศูนย์กลางของการประท้วงของประชาชนที่ไม่พอใจเรื่องค่าแรงต่ำ ค่าใช้จ่ายเรื่องการศึกษาและการดูแลสุขภาพสูง รวมทั้งระบบเศรษฐกิจสังคมที่พวกเขาเห็นว่าเอื้อกับเฉพาะคนร่ำรวยเท่านั้น การประท้วงที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลา 3 สัปดาห์ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 20 ราย ในช่วงค่ำ ผู้ประท้วงปิดกั้นถนนหลายสายใกล้กับห้างสรรพสินค้าหรูหรา ที่เป็นสัญลักษณ์ของความทันสมัยและความรุ่งเรืองของชิลี และยังวางเครื่องกีดขวางและจุดไฟเผาไว้เครื่องกีดขวางไว้ ผู้ประท้วงร้องตะโกนคำขวัญต่อต้านประธานาธิบดีเซบัสเตียน พีเนรา ห้างสรรพสินค้าหรูแห่งนี้ต้องปิดให้บริการมาเกือบ 2 สัปดาห์แล้วเนื่องจากเหตุไม่สงบ การประท้วงในชิลี เริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม เนื่องจากประชาชนไม่พอใจที่มีการขึ้นค่าโดยสารรถไฟใต้ดิน ก่อนละลุกลามกลางเป็นการเผาทำลาย ปล้นร้านค้าและปะทะรายวันระหว่างผู้ประท้วงกับตำรวจ.-สำนักข่าวไทย