ฮ่องกง 4 ต.ค.- นางแคร์รี่ หล่ำ ผู้บริหารเขตบริหารพิเศษฮ่องกงประกาศใช้อำนาจฉุกเฉินในยุคอาณานิคมของอังกฤษเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 50 ปี เพื่อพยายามยุติการประท้วงที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
นางหล่ำกล่าวในการแถลงข่าวว่า คำสั่งห้ามสวมหน้ากากอำพรางใบหน้าจะเริ่มมีผลบังคับใช้นับจากวันเสาร์ที่ 5 ตุลาคมนี้เป็นต้นไปตามกฎหมายฉุกเฉินซึ่งอนุญาตให้ทางการสามารถออกกฎระเบียบเพื่อผลประโยชน์สาธารณะ
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ผู้ประท้วงนับพันคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนงานบริษัทสวมหน้ากากเดินขบวนตามท้องถนนในฮ่องกงในช่วงพักกลางวันของวันศุกร์ เพื่อท้าทายรัฐบาลที่จะใช้อำนาจฉุกเฉินสั่งห้ามการปิดบังใบหน้า โดยหวังว่าจะช่วยยุติการประท้วงที่ดำเนินต่อเนื่องมานานหลายเดือนได้
ตลอดระยะเวลา 17 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ประท้วงได้ใช้การสวมหน้ากากเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกระบุตัวตน สวมหมวกนิรภัย รวมถึงแว่นกันน้ำ และหน้ากากกันแก๊สในการป้องกันตัวเองจากแก๊สน้ำตาและอาวุธของฝ่ายตำรวจ
การประท้วงในฮ่องกงทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องยิงกระสุนจริงเพื่อป้องกันตัวหลังถูกกลุ่มผู้ประท้วงรุมทำร้าย และกระสุนดังกล่าวถูกหน้าอกของนักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่งที่ร่วมทำร้ายตำรวจ จนกลายเป็นมูลเหตุให้ผู้ประท้วงยิ่งเดือดดาล และยิ่งก่อจลาจล ทุบทำลายสร้างความเสียหายไปทั่ว โดยนับจนถึงวันนี้มีสถานีรถไฟฟ้าได้รับความเสียหายไปแล้ว 83 สถานี จากที่มีอยู่ทั้งหมด 91 สถานีทั่วฮ่องกง ยังไม่นับรวมธุรกิจห้างร้านและสถานที่ราชการที่มีความเกี่ยวพันกับจีนแผ่นดินใหญ่.-สำนักข่าวไทย