วอชิงตัน 25 มี.ค.- ผลสำรวจที่เผยแพร่วันนี้พบว่า นักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกันคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจและการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐแย่ลงจากเดิม เพราะเศรษฐกิจโลกยังชะลอตัวและข้อพิพาทการค้ายังยืดเยื้อ
สมาคมแห่งชาติเพื่อเศรษฐศาสตร์ธุรกิจเผยรายงานรายไตรมาสว่า นักเศรษฐศาสตร์ 55 คนเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐมาถึงจุดเปลี่ยนเว้า (Inflection Point) ของวัฏจักรเศรษฐกิจ เป็นการเข้าสู่จุดเปลี่ยนจากการหดตัวของเศรษฐกิจในอัตราสูงเป็นการหดตัวในอัตราที่ลดลงแต่ยังไม่ถึงขั้นฟื้นตัว โดยคาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพี (GDP) ที่แท้จริงอยู่ที่ร้อยละ 2.4 ลดลงสามในสิบจากที่คาดการณ์เมื่อเดือนธันวาคม และจะชะลอลงเหลือร้อยละ 2 ในปีหน้า ผู้ตอบสามในสี่ปรับลดประมาณการณ์จีดีพีและเชื่อว่านโยบายการค้าและเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเสี่ยงชะลอตัว อย่างไรก็ดี โอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในเวลาอันใกล้ยังต่ำอยู่มาก
นักเศรษฐศาสตร์มองว่า มีโอกาสร้อยละ 20 ที่จะเศรษฐกิจจะเริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้ และมีโอกาสร้อยละ 35 ที่จะเริ่มในปี 2563 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการสำรวจเมื่อเดือนธันวาคม หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กลับลำนโยบายเมื่อเดือนมกราคมว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยต่อไปในอนาคตอันใกล้ ทำให้นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะขึ้นสามครั้ง นักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า การขึ้นค่าจ้างเป็นปัจจัยกระทบเศรษฐกิจมากที่สุด แม้คาดว่าปีนี้จะขึ้นเพียงร้อยละ 3 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเป็นไปตามเป้าหมายเฟดที่ร้อยละ 2 ส่วนยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐคาดว่าจะลบสถิติ 914,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 28.86 ล้านล้านบาท) ในปีก่อน เป็น 978,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 30.88 ล้านล้านบาท) ในปีนี้ แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ใช้นโยบายภาษีเข้มงวดกับจีนแล้วก็ตาม.-สำนักข่าวไทย