ชาวเกาหลีใต้หวังต่างกันไปต่อซัมมิตคิม-ทรัมป์ครั้งที่สอง

โซล 25 ก.พ.- ชาวเกาหลีใต้มีความคาดหวังแตกต่างกันไปต่อการประชุมสุดยอด (ซัมมิต) ครั้งที่สองระหว่างนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐที่จะมีขึ้นที่กรุงฮานอยของเวียดนามวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์นี้ 


สตรีวัย 63 ปี กล่าวว่า สนับสนุนการรวมชาติสองเกาหลีหากเกาหลีเหนือยอมทำลายโครงการอาวุธนิวเคลียร์อย่างหมดสิ้น และพร้อมยอมรับระบอบประชาธิปไตย แต่หากเกาหลีเหนือมีวาระซ่อนเร้นเธอจะต่อต้านทันที ชาวเกาหลีใต้รุ่นนี้ถูกปลูกฝังให้ไม่เชื่อใจเกาหลีเหนือตั้งแต่เด็กเพราะเติบโตมาในยุคของนายพลปัก จุงฮี ที่บรรจุเรื่องการต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ไว้ในหลักสูตรการเรียนการสอนยุคคริสต์ทศวรรษหลังปี 1960 และ 1970 แต่ขณะเดียวกันก็สงสารคนในเกาหลีเหนือและหวังว่าจะได้รับการปลดปล่อยโดยเร็ว

ชายวัย 81 ปีที่มีอายุ 12 ขวบตอนสงครามเกาหลีระเบิดขึ้นในปี 2493 เผยว่า จดจำความเลวร้ายที่เกิดขึ้นตลอด 3 ปี ได้จนถึงทุกวันนี้ และไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก การยุติสงครามเกาหลีอย่างเป็นทางการต้องอาศัยความร่วมมือของประเทศที่เกี่ยวข้องอย่างสหรัฐ จีนและรัสเซีย ประเทศเหล่านี้จะต้องแสดงความกรุณาด้วยการให้คำเสนอแนะและการช่วยเหลือ 


นักศึกษาคนหนึ่งมองว่า การประกาศยุติสงครามเกาหลีอย่างเป็นทางการจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจเกาหลีใต้ เช่น ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติที่ไม่กล้าไปเกาหลีเหนือ นักศึกษาอีกคนบอกว่า เริ่มสนใจเรื่องความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือตั้งแต่ซัมมิตผู้นำสองเกาหลีเมื่อเดือนเมษายนปีก่อน ภาพประธานาธิบดีมุน แจอินของเกาหลีใต้จับมือกับนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือแล้วก้าวข้ามเส้นปักปันเขตแดนสองประเทศเป็นภาพที่น่าประทับใจมาก นักศึกษาอีกคนยอมรับว่า มีภาพลบของเกาหลีเหนือตั้งแต่เด็ก แต่ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนแล้ว หวังว่าเกาหลีเหนือและสหรัฐจะสามารถบรรลุข้อตกลงยุติสงครามเกาหลีได้ที่กรุงฮานอย แม้สิ่งนี้จะไม่ทำให้ชีวิตประจำวันของชาวเกาหลีใต้เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่จะขจัดภัยที่แท้จริงออกไปได้

ขณะที่ชายวัยทำงานคนหนึ่งบอกว่า ไม่สนใจซัมมิตนี้เลย มองว่าเป็นเพียงการแสดงเท่านั้น  หากสงครามเกาหลียุติอย่างเป็นทางการก็จะมีความหมายแต่กับคนรุ่นเก่าที่เคยผ่านสงครามมาเท่านั้น หากจะให้มีความหมายจริง ๆ ต้องมีการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อให้ประชาชนเกิดความไว้วางใจ.- สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

รวบทันควัน คนร้ายบุกเดี่ยวชิงเงินธนาคาร

จับแล้ว คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ธนาคารกลางเมืองเชียงใหม่ ได้เงินสดกว่า 40,000 บาท ก่อนวิ่งหลบหนี ล่าสุดจนมุมตำรวจรวบตัวได้ที่ศาลาริมทางข้างถนน

โป๊ปฟรังซิส สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา

สำนักวาติกัน แถลงผ่านทางโทรทัศน์ของสำนักวาติกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันสิ้นพระชนม์แล้วในวันนี้

Pope inaugurated the Holy Year on Christmas Eve on December 24, 2024

เปิดพระประวัติโป๊ปฟรังซิส

วาติกัน 21 เม.ย.- เว็บไซต์ข่าวโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี (CNBC) ของสหรัฐ เปิดพระประวัติที่น่าสนใจ 10 ประการของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ที่สิ้นพระชนม์วันนี้ (21 เม.ย.68) ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ประการที่ 1 ทรงเป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันและเยสุอิตคนแรก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส มีพระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ เบร์โกกลิโอ ประสูติวันที่ 17 ธันวาคม 2479 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันคนแรกของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก แตกต่างจากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาเกือบ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอิตาลี ทรงมาจากนอกทวีปยุโรปในฐานะพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 266 และเป็นนักบวชคณะเยสุอิตคนแรกที่ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา ประการที่ 2  ทรงมีพื้นเพมาจากอิตาลี แม้ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสประสูติในอาร์เจนตินา แต่ท่านมีมรดกทางชาติพันธุ์จากอิตาลี จากการที่บิดามารดาเป็นผู้อพยพชาวอิตาลี บิดาทำงานเป็นนักบัญชีในทางรถไฟ ขณะที่มารดาอุทิศตนให้กับการเลี้ยงลูกทั้ง 5 คน ประการที่ 3 ทรงศึกษาด้านเคมีและปรัชญา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสศึกษาปรัชญาและมีปริญญาโทในด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ทรงศึกษาในโรงเรียนเทคนิคและได้ฝึกอบรมเป็นช่างเทคนิคเคมี ก่อนเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศาสนาแห่งอัครสังฆมณฑลบิญญา เดโวโต […]