ฮ่องกง 29 ม.ค.- สำนักสอบสวนกลางสหรัฐ (เอฟบีไอ) เคยสอบปากคำผู้ก่อตั้งหัวเว่ยเทคโนโลยี บริษัทโทรคมนาคมของจีนตั้งแต่ปี 2550 และตรวจไฟล์ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของบุตรสาวเขาในปี 2557
เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ของฮ่องกงรายงานอ้างคำฟ้องหนา 25 หน้าที่สหรัฐยื่นฟ้องหัวเว่ยว่า นายเหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งหัวเว่ยที่ถูกเรียกในคำฟ้องว่าบุคคลหมายเลข 1 ได้ให้ปากคำเอฟบีไอที่นครนิวยอร์กในเดือนกรกฎาคม 2550 ว่า บริษัทปฏิบัติตามและไม่ได้ละเมิดกฎหมายส่งออกของสหรัฐ ไม่ได้ติดต่อโดยตรงกับบริษัทอิหร่าน เขาคิดว่าบริษัทได้จำหน่ายอุปกรณ์โทรคมนาคมให้แก่บุคคลที่สามที่น่าจะอยู่ในอียิปต์ ซึ่งนำไปจำหน่ายให้อิหร่านอีกที เอฟบีไอถือว่าการให้ปากคำนี้สามารถนำไปใช้เป็นหลักฐานของการมีส่วนร่วมในอาชญากรรมที่หัวเว่ยได้ทำขณะพยายามหลอกลวงสหรัฐ
ส่วนนางเมิ่ง หว่านโจวนั้น คำฟ้องระบุว่าเธอพกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขณะเดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติจอห์นเอฟเคนเนดีของสหรัฐเมื่อต้นปี 2557 สหรัฐพบไฟล์ที่อาจถูกลบจากอุปกรณ์ดังกล่าวมีเนื้อหาว่า การดำเนินงานของหัวเว่ยในอิหร่านเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และการอนุมัติตามที่สหประชาชาติ สหรัฐ สหภาพยุโรปกำหนด เนื้อหาพูดถึงสกายคอมด้วยว่าเป็นหนึ่งในตัวแทนสินค้าและบริการของหัวเว่ย เอฟบีไอระบุในคำฟ้องว่า แท้จริงแล้วสกายคอมเป็นสาขาอย่างไม่เป็นทางการที่หัวเว่ยใช้ทำธุรกิจในอิหร่าน
คำฟ้องทั้ง 13 กระทงระบุว่า หัวเว่ยและสาขาในสหรัฐเริ่มรู้ตัวในปี 2560 ว่าถูกทางการสหรัฐสอบสวนทางอาญา จึงได้หาทางย้ายพนักงานที่รู้เรื่องบริษัททำธุรกิจในอิหร่านกลับไปจีนเพื่อเลี่ยงอำนาจศาลสหรัฐ อีกทั้งยังจงใจทำลายและปกปิดหลักฐานของธุรกิจในอิหร่านด้วย นายแมทธิว วิทเกอร์ รักษาการรัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐกล่าวระหว่างแถลงข่าวว่า ข้อหาทั้งหมดในคำฟ้องเป็นเพียงข้อกล่าวหา จำเลยถือว่าเป็นผู้บริสุทธิจนกว่าจะมีการพิสูจน์จนสิ้นข้อสงสัย.-สำนักข่าวไทย