fbpx

ชายจีนที่เสียขาสองข้างให้เอเวอเรสต์จะแก้มือ

ภักตะปูร 6 เม.ย.- ชายชาวจีนที่สูญเสียขาทั้งสองข้างเพราะหิมะกัดระหว่างไต่ยอดเขาเอเวอเรสต์เมื่อ 40 ปีก่อน หวังว่าจะได้พิชิตยอดเขาตามที่ฝัน หลังจากศาลฎีกาเนปาลตัดสินให้คำสั่งของรัฐบาลที่ห้ามคนตาบอด แขนหรือขาขาดทั้งสองข้างไต่เอเวอเรสต์เป็นโมฆะ


นายเซี่ย โป๋หยู วัย 69 ปี จะเป็นผู้ไร้ขาสองข้างคนแรกที่ได้รับอนุญาตให้ไต่ยอดเขาสูงที่สุดในโลกแห่งนี้อีกครั้ง หลังจากศาลฎีกาเนปาลตัดสินเมื่อเดือนก่อนให้ยกเลิกคำสั่งรัฐบาลเมื่อเดือนธันวาคม โดยเห็นด้วยกับกลุ่มสนับสนุนสิทธิผู้พิการว่าเป็นคำสั่งที่ขัดต่อสนธิสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิผู้ไร้ความสามารถ นายเซี่ยเคยพยายามพิชิตเอเวอเรสต์มาแล้ว 4 ครั้ง เขาร่วมในคณะไต่เขาทีมชาติจีนที่เผชิญสภาพอากาศเลวร้ายในปี 2518 ขณะใกล้ถึงยอดเขาที่สูงถึง 8,848 เมตร อากาศหนาวจัดและการขาดอ๊อกซิเจนทำให้เขาถูกหิมะกัดอย่างรุนแรงและต้องตัดเท้าทิ้งทั้งสองข้าง 

ต่อมาเขาต้องตัดขาตั้งแต่หัวเข่าลงมาทั้งสองข้างในปี 2539 เพราะตรวจพบว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เขากลับไปเอเวอเรสต์อีกในปี 2557 แต่ถูกยกเลิกการไต่เขาพร้อมกับคณะอื่น ๆ หลังเกิดหิมะถล่มคร่าชีวิตเชอร์ปา 16 คนไปในช่วงต้นฤดู เขากลับไปในปีถัดมาและก็ถูกยกเลิกอีกเมื่อเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ มีผู้เสียชีวิตร่วม 9,000 คน ในจำนวนนี้เสียชีวิตบนเอเวอเรสต์ 22 คน นายเซี่ยไม่ละความพยายามโดยได้กลับไปครั้งล่าสุดในปี 2559 และเหลือระยะทางอีก 200 เมตรก็จะพิชิตยอดเขาแต่เผชิญสภาพอากาศเลวร้ายทำให้ต้องกลับลงมา


ผู้เสียขาทั้งสองข้างที่สามารถพิชิตเอเวอเรสต์จนถึงขณะนี้มีเพียงคนเดียวคือ มาร์ก อินกลิส ชาวนิวซีแลนด์ พิชิตได้ในปี 2549 ขณะอายุ 47 ปี ส่วนอดีตทหารกุรข่าในเนปาลที่เสียขาทั้งสองข้างในอัฟกานิสถานหวังจะเป็นผู้ไร้ขาตั้งแต่หัวเข่าขึ้นไปคนแรกของโลกที่สามารถพิชิตเอเวอเรสต์ แต่ต้องเลื่อนออกไปเพราะคำสั่งรัฐบาลเนปาลและกำหนดจะกลับไปทำตามความฝันในปีหน้า ส่วนปีที่แล้วมีผู้พิชิตเอเวอเรสต์ได้ทั้งหมด 634 คน และมี 7 คนไม่ได้กลับลงมาอีก.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนักถึงหนักมาก คลื่นลมแรง

กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ระวังน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก ส่วนทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนคลื่นลมแรง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

ชีวิตติดลบ! ชาวแม่สายจมน้ำจมโคลน 10 วันแทบหมดตัว

หลายชุมชนชายแดนแม่สาย เผชิญน้ำท่วมและจมโคลนมา 10 วันแล้ว อยู่ในสภาพแทบหมดตัว ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่กับชีวิตที่ต้องติดลบจากน้ำท่วมครั้งนี้

อาลัย “อดีตแข้ง U19” ขับเบนซ์พลิกคว่ำดับพร้อมภรรยา

วงการลูกหนังอาลัย “อดีตนักเตะ U19” ขับเบนซ์พลิกคว่ำดับพร้อมภรรยา ชาวบ้านเผยจุดนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อย ลงสะพานอย่าขับเร็ว