จาการ์ตา 5 ก.ย. – สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ซึ่งกำลังเสด็จเยือนอินโดนีเซีย ทรงร่วมเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ การเปิดใช้อุโมงค์ที่เชื่อมระหว่างมัสยิดสำคัญกับโบสต์คริสต์ ที่เป็นสัญลักษณ์ของการอยู่ร่วมกัน
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส เสด็จถึงอินโดนีเซียเมื่อวันอังคาร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเยือนเอเชียนาน 12 วัน ในวันนี้พระองค์ทรงมีพระกรณีกิจหลักของเยือนครั้งนี้ คือการเสด็จยังมัสยิดอิสติกลัล อันเป็นสัญลักษณ์ของอินโดนีเซีย และได้พบกับตัวแทนจาก 6 ศาสนาที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการตามรัฐธรรมนูญของอินโดนีเซีย โดยพระองค์ทรงได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่า เป็นผู้มุ่งส่งเสริมสันติภาพระหว่างศาสนา
มัสยิดอิสติกลัล ซึ่งแปลว่า “อิสรภาพ” ในภาษาอาหรับ เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพื้นที่กว่า 56 ไร่ มัสยิดนี้เป็นเหมือนอนุสรณ์สถานของการต่อสู้กับเจ้าอาณานิคมชาวดัทช์ ที่ปกครองอินโดนีเซียเกือบ 350 ปี ที่สำคัญตรงข้ามกับมัสยิด เป็นโบสถ์แม่พระแห่งอัสสัมชัญ นิกายโรมันคาทอลิก สไตล์นีโอโกธิค แล้วเพิ่งมีการสร้างอุโมงค์เชื่อมต่อศาสนสถานทั้งสองนี้เชื่อมต่อกัน เพื่อแสดงถึงสันติภาพ และ การอยู่ร่วมกันอย่างสันติของศาสนาต่างๆได้ จึงได้ชื่อเป็นอุโมงค์แห่งภราดรภาพ
สมเด็นพระสันตะปาปามีพระดำรัสกับผู้นำของทั้งสองศาสนา ชื่นชมในการสร้างอุโมงค์นี้ขึ้น โดยตรัสว่า อุโมงค์มักถูกมองว่า เป็นสถานที่ที่มืดมิด แต่ทุกอย่างอุโมงค์นี้ทุกอย่างเปล่งแสงสดใส โดยพวกท่านทุกคนต่างเป็นแสงส่อง ด้วยมิตรภาพ ความสามัคคี และ การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เหตุการณ์ประวัติศาสตร์จึงมีความสำคัญต่ออินโดนีเซีย ประเทศที่ประชากรกว่าร้อยละ 80 เป็นชาวมุสลิม ส่วนประชากรคาทอลิกมีประมาณร้อยละ 3 เท่านั้น เพราะอินโดนีเซียต้องการสร้างสังคมแห่งความปรองดองระหว่างศาสนา ผู้นำมุสลิมในประเทศหวังให้สร้างจุดร่วมระหว่างชุมชนทางศาสนา และเน้นย้ำถึงความกลมเกลียวระหว่างศาสนา ชาติพันธุ์ และความเชื่อ.-812.-สำนักข่าวไทย