โซล 4 ส.ค. – ประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล ของเกาหลีใต้ สั่งการให้เพิ่มกำลังพลในการรักษาความปลอดภัย ในขณะที่ตำรวจประกาศว่าจะไม่ลังเลที่จะใช้อาวุธปืน หลังจากเกิดเหตุคนร้ายแทงประชาชนเป็นครั้งที่ 2 ในเกาหลีใต้ ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีอาชญากรรมต่ำประเทศหนึ่งในโลก
สำนักข่าวยอนฮัพ รายงานว่า เหตุคนร้ายไล่แทงประชาชนครั้งที่ 2 ในรอบ 2 สัปดาห์ เกิดขึ้นในวันพฤหัสบดี ในเขตบุนดัง ห่างจากกรุงโซลไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 20 กิโลเมตร ครั้งล่าสุดนี้คนร้ายขับรถขึ้นไปบนทางเดินเท้า ก่อนที่จะใช้มีดทำร้ายประชาชนในห้างสรรพสินค้า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 14 คน ในขณะที่มีการข่มขู่เลียนการกระทำของคนร้ายโดยหลังจากเกิดเหตุเพียงไม่กี่ชั่วโมง มีการโพสต์ข้อความผ่านทางออนไลน์เป็นคำขู่ว่าจะก่อเหตุลักษณะนี้ สำหรับคนร้ายที่ก่อเหตุที่เขตบุนดัง ตำรวจสามารถควบคุมตัวไว้ได้ และระบุเป็นผู้มีอาการผิดปกติทางจิต
นายยุน กล่าวในแถลงการณ์วันนี้ว่า การใช้มีดทำร้ายคนไม่เลือกหน้าดังกล่าวเป็นการก่อการร้ายต่อพลเมืองผู้บริสุทธิ์ เขาระบุว่า รัฐบาลจะต้องระดมกำลังตำรวจเพื่อให้แน่ใจว่า ประชาชนจะไม่รู้สึกกังวล เขายังกล่าวว่า มีข้อความข่มขู่จะก่อเหตุลักษณะเดียวกันผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ หลังจากประธานาธิบดีออกแถลงการณ์เรื่องนี้เพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็มีรายงานว่า ครูโรงเรียนมัธยมคนหนึ่งถูกทำร้ายด้วยมีดที่เมืองแทจอน ห่างจากกรุงโซลไปทางใต้ราว 139 กิโลเมตร เหตุการณ์ทั้งสองเกิดขึ้นหลังจากที่มีการใช้มีดไล่แทงประชาชนในกรุงโซล เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 3 ราย
ตำรวจระบุว่า สถานการณ์นี้ถือว่าฉุกเฉินอย่างยิ่ง พร้อมกับริเริ่มแนวทางความมั่นคงปลอดภัยพิเศษ เพื่อรับมือกับเหตุความรุนแรงด้วยการใช้มีด และเพื่อป้องกันมิให้มีการก่ออาชญากรรมเลียนแบบ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเกาหลีใต้กล่าวว่า จะใช้กำลังตำรวจขั้นสูงสุด ทั้งตำรวจท้องถิ่น ตำรวจปราบจลาจล และตำรวจสืบสวน ซึ่งปกติแม้จะพกปืนแต่ก็จะไม่ค่อยใช้งาน แต่ต่อไปนี้จะไม่ลังเลที่จะใช้อาวุธปืนเมื่อพบอาชญากรรมที่มีการใช้มีดเป็นอาวุธ.-สำนักข่าวไทย