มอสโก 26 มี.ค.-‘ปูติน’ ประธานาธิบดีรัสเซีย ประกาศว่า รัสเซียมีแผนจะติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ในเบลารุส ซึ่งจะถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษ 1990 ที่รัสเซียจะมีฐานอาวุธดังกล่าวนอกประเทศ
ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย กล่าวขณะให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ช่องรัสเซีย 1 ว่า รัสเซียวางแผนที่จะติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีในเบลารุส ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านและเป็นพันธมิตรสำคัญของรัสเซียในภูมิภาค โดยขณะนี้ กองทัพรัสเซียได้เคลื่อนย้ายระบบขีปนาวุธระยะสั้น ‘อิสกันเดอร์’ ( Iskander) ซึ่งสามารถที่จะติดตั้งนิวเคลียร์ หรือหัวรบแบบดั้งเดิมได้ไปยังเบลารุสแล้ว คาดว่าจะเสร็จสิ้นการก่อสร้างสถานที่พิเศษ เพื่อเก็บอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีในเบลารุสได้ ภายในต้นเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้
ปูติน ยังบอกด้วยว่า รัสเซียได้ช่วยเบลารุสปรับปรุงเครื่องบิน 10 ลำ เพื่อให้สามารถที่จะติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ได้ รัสเซียจะเริ่มต้นทำการฝึกอบรมนักบินเพื่อให้สามารถบังคับเครื่องบินที่มีการปรับแต่งใหม่นี้ในต้นเดือนหน้า ผู้นำรัสเซียอ้างด้วยว่า การตัดสินใจนี้ไม่ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ เพราะมันไม่แตกต่างจากข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ กับพันธมิตรหลายชาติในยุโรป ที่อนุญาติให้สหรัฐฯ ไปตั้งฐานอาวุธนิวเคลียร์ในประเทศเหล่านั้นได้ การกระทำของรัสเซียจึงไม่ถือเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะสหรัฐฯ ทำสิ่งนี้มานานหลายทศวรรษแล้ว
คำประกาศล่าสุดของปูติน ทำให้จะถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษ 1990 ที่รัสเซียจะมีฐานอาวุธดังกล่าวนอกประเทศ เพราะหลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายในปี 1991 มีการประจำการอาวุธนิวเคลียร์ในรัฐเอกราชใหม่ 4 แห่ง ประกอบด้วย รัสเซีย ยูเครน เบลารุส และคาซัคสถาน ต่อมาในเดือนพฤษภาคม 1992 มีการเห็นพ้องว่าอาวุธทั้งหมดควรประจำการอยู่ในรัสเซีย จึงมีการการโอนถ่ายหัวรบจากยูเครน เบลารุส และคาซัคสถาน ไปยังรัสเซีย แล้วเสร็จในปี 1996
ด้านองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการ ส่วนแหล่งข่าวในรัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวว่า ยังไม่พบสัญญาณบ่งชี้ว่ารัสเซียเตรียมใช้อาวุธนิวเคลียร์
ทั้งนี้ เบลารุสซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกนาโต มีพรมแดนติดกับสมาชิกนาโต 3 ประเทศ คือ โปแลนด์ ลัตเวีย และลิทัวเนีย ที่ผ่านมามีความสัมพันธ์ทางทหารใกล้ชิดกับรัสเซีย โดยอนุญาตให้มอสโกใช้ดินแดนเบลารุสส่งทหารบุกเข้าไปในยูเครนเมื่อปีที่แล้ว และในเดือนมกราคมปีนี้ ทั้ง 2 ชาติได้ยกระดับการซ้อมรบร่วมทางทหาร.-สำนักข่าวไทย