ลอนดอน 16 ก.พ.- ผลการศึกษาล่าสุดระบุว่า ข้ออ้างเรื่องผลดีต่อสุขภาพที่นมผงสำหรับทารกใช้โฆษณาทั่วโลกไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนอย่างจริงจัง
ดร. แดเนียล มันบลิต นักวิชาการที่มหาวิทยาลัยอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอนของอังกฤษเผยว่า เขาและคณะนักวิจัยที่ทำการศึกษานี้ไม่ได้ทำสงครามต่อต้านนมผงสำหรับทารก เพราะยังคงเป็นทางเลือกสำหรับมารดาที่ไม่สามารถหรือเลือกที่จะไม่ให้นมบุตรด้วยนมตนเอง แต่ต่อต้านอย่างมากกับการทำการตลาดนมผงสำหรับทารกที่ไม่เหมาะสม ด้วยข้ออ้างที่ทำให้เข้าใจผิดและไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนอย่างจริงจัง
ผลการศึกษานี้พบว่า ข้ออ้างเรื่องผลดีต่อสุขภาพที่บริษัทนมผงสำหรับทารกใน 15 ประเทศใช้โฆษณาผลิตภัณฑ์บนเว็บไซต์มากที่สุดคือ ข้ออ้างว่าส่งเสริมพัฒนาการทางสมอง ข้ออ้างว่าเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และข้ออ้างว่าส่งเสริมการเจริญเติบโต ผลิตภัณฑ์ครึ่งหนึ่งจากที่วิเคราะห์ทั้งหมด 608 ชนิดไม่ได้เชื่อมโยงข้ออ้างกับส่วนผสมใดเป็นพิเศษ ผลิตภัณฑ์ 3 ใน 4 ไม่มีการอ้างอิงถึงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ใช้สนับสนุนข้ออ้าง ส่วนผลิตภัณฑ์ที่มีการอ้างอิงถึงพบว่า กว่าครึ่งอ้างบทวิจารณ์ บทความแสดงความเห็น หรือผลการทดลองกับสัตว์ มีเพียงร้อยละ 14 ที่อ้างการทดลองทางคลินิกกับคนที่มีการบันทึกไว้ แต่ส่วนใหญ่เป็นการทดลองที่เสี่ยงมีอคติ เช่น ข้อมูลไม่ครบถ้วน ผลการทดลองไม่สนับสนุนข้ออ้าง หรือผู้ทำการทดลองรับทุนหรือมีความสัมพันธ์กับอุตสาหกรรมนมผงสำหรับทารก
ดร. มันบลิตชี้ว่า ข้ออ้างเรื่องผลดีต่อสุขภาพทำให้บิดามารดาเข้าใจผิดว่า สารอาหารสำคัญเหล่านี้มีในนมผงสำหรับทารกคุณภาพดีเท่านั้น วิธีที่จะแก้ปัญหานี้คือ กำหนดให้นมผงสำหรับทารกใช้บรรจุภัณฑ์ทั่วไปที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ก่อนหน้านี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แพทย์และนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งได้เรียกร้องให้ทางการเข้มงวดกับอุตสาหกรรมนมผงสำหรับทารกที่มีมูลค่า 55,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.88 ล้านล้านบาท) เรื่องใช้การตลาดแบบล่าเหยื่อ ฉวยประโยชน์จากความกลัวของบิดามารดามือใหม่ให้เชื่อว่าไม่ควรให้นมบุตรด้วยนมมารดา ทั้งที่องค์การอนามัยโลกและศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐแนะนำให้ทารกกินนมมารดาอย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต.-สำนักข่าวไทย