เอ็มมานูเอล มาครง ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส

ฝรั่งเศส 8 พ.ค.-นายเอ็มมานูเอล มาครง นักการเมืองสายกลาง เตรียมขึ้นเป็นผู้นำฝรั่งเศสคนใหม่ หลังคว้าชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบชี้ขาด ด้วยเสียงสนับสนุนทิ้งห่างนางมารีน เลอ เปน คู่แข่งจากพรรคขวาจัด 65.5% ต่อ 34.5% เตรียมเป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศสอายุน้อยสุดแค่ 39 ปี


นายเอ็มมานูเอล มาครง กลายเป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ นั่นคือ 39 ปี และยังเป็นประธานาธิบดีคนแรกนับตั้งแต่การเริ่มต้นของสมัยสาธารณรัฐที่ 5 เมื่อปี 2501 ที่ไม่ได้มาจาก 2 พรรคใหญ่ที่ผลัดกันครองอำนาจในฝรั่งเศสมาโดยตลอด คือพรรคสังคมนิยม ซึ่งเป็นพรรคกลาง-ซ้าย และพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นพรรคกลาง-ขวา ชัยชนะของนายมาครงเท่ากับเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับประเทศฝรั่งเศส

นายมาครงเองกล่าวว่า เขายินดีที่จะเป็นผู้สร้างหน้าประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยความหวังและความเชื่อมั่นเป็นคนแรก และพร้อมจะต่อสู้เพื่อลบล้างความแบ่งแยกที่จะทำลายฝรั่งเศสให้ถึงที่สุด พร้อมกับจะปกป้องยุโรปอย่างเต็มที่เช่นกัน ผู้สนับสนุนนายมาครงต่างพากันมารวมตัวฉลองชัยชนะให้กับนายมาครงที่หน้าพิพิธภัณฑ์ลูฟร์กลางกรุงปารีส


ด้านนางเลอ เปน กล่าวขอบคุณประชาชน 11 ล้านคนที่ลงคะแนนเสียงให้เธอ พร้อมกับกล่าวว่า ผลการเลือกตั้งชี้ให้เห็นถึงการแบ่งแยกระหว่างผู้รักชาติกับผู้รักโลก พรรคแนชชันนัล ฟรอนท์ ของเธอถึงคราวที่จะต้องปฏิรูปตัวเองแล้ว และเธอจะเป็นตัวจักรสำคัญในการผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลง โดยจะลงต่อสู้ในการเลือกในรัฐสภาที่จะมาถึงต่อไป ทั้งยังอวยพรให้นายมาครงประสบความสำเร็จในการเอาชนะความท้าทายขนาดใหญ่ที่กำลังเผชิญหน้าอยู่

ด้านประธานาธิบดีฟรองซัวส์ โอลลองด์ ผู้นำฝรั่งเศส ได้แสดงความยินดีกับนายมาครง และกล่าวว่าผลการเลือกตั้งบ่งชี้ว่าประชาชนฝรั่งเศสต้องการความสามัคคีบนแนวทางแห่งสาธารณรัฐ ในระหว่างการหาเสียงนายมาครงสัญญาว่าจะลดการจ้างงานในหน่วยงานภาครัฐลงให้ได้ถึง 120,000 อัตรา ลดการใช้จ่ายของหน่วยงานภาครัฐลง 60,000 ล้านยูโร และลดการว่างงานลงให้เหลือต่อกว่า 7%

นอกจากนี้ยังให้คำมั่นว่าจะผ่อนคลายกฎหมายแรงงาน และให้ความคุ้มครองกับเอกชนรายย่อยอีกด้วย ที่สำคัญคือนายมาครงสนับสนุนสหภาพยุโรปอย่างเต็มที่ ซึ่งตรงข้ามกับนางเลอ เปน ที่ต้องการให้ฝรั่งเศสแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปเช่นเดียวกับอังกฤษ


สำหรับปฏิกิริยาผู้นำนานาชาติต่อชัยชนะของนายมาครง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กล่าวแสดงความยินดีผ่านทวิตเตอร์ และประกาศพร้อมร่วมงานด้วยเต็มที่ ส่วนนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี แสดงความยินดี และว่าเป็นชนะของสหภาพยุโรปและความสัมพันธ์ระหว่างฝรั่งเศสกับเยอรมนี ด้านโฆษกทำเนียบนายกรัฐมนตรีอังกฤษได้แสดงความยินดี และกล่าวว่าฝรั่งเศสเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดของอังกฤษ นายกรัฐมนตรีอังกฤษพร้อมทำงานด้วยอย่างเต็มที่

ส่วนนายฌอง-โคลด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการกยุโรป ทวิตเตอร์ข้อความว่า รู้สึกมีความสุขที่ชาวฝรั่งเศสตัดสินใจโดยเห็นความสำคัญของสหภาพยุโรป สำหรับผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจะมีการประกาศในวันที่ 11 พฤษภาคม และวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคมนี้ ผู้ชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้จะก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 25 ของฝรั่งเศส.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อดีตครูจำใจสร้างห้องขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา

สลด! อดีตครูวัย 64 ปี จำใจจ้างช่างทำห้องคล้ายกรงขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา-พนันออนไลน์ หลังส่งตัวบำบัดกว่า 10 ครั้ง แต่ออกมาก็เหมือนเดิม

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2 โชคดีบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ส่งรักษาตัวที่ รพ.เจ้าพระยา

อาม่าแจ้งความ “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธีสูญ 60 ล้าน

อาม่าวัย 77 ปี โร่แจ้งความเอาผิด “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธี-แนะซื้อวัตถุมงคลแล้วไม่ได้รับของ สูญเงินกว่า 60 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” ปรากฏตัวแล้ว บอกไม่สบายใจมี ตร.เฝ้าหน้าบ้าน

ปรากฏตัวแล้ว “ทนายตั้ม” พบตำรวจเหตุมีเจ้าหน้าที่ไปเฝ้าที่บ้าน พร้อมแจงปมเงิน 39 ล้านบาท ค่าศิลปินจีน ที่แท้เป็นมิจฉาชีพหลอก “เจ๊อ้อย” ปฏิเสธพบคู่กรณี บอกยังไม่พร้อมคุย

เกาะกูด

“ภูมิธรรม” ย้ำจะรักษาผลประโยชน์ทางทะเลของไทยไว้เท่าชีวิต

“ภูมิธรรม” มอง MOU44 คือกลไกที่ดีที่สุด ก่อนย้อนกลุ่มการเมือง พปชร.ไปถามหัวหน้าพรรคตัวเอง เพราะเป็นคนนำเจรจาในปี 57 ยันไม่เคยยกเลิกในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ย้ำรัฐบาลจะรักษาดินแดน-ผลประโยชน์ทางทะเลของไทยไว้เท่าชีวิต

US election

ทรัมป์-แฮร์ริส หาเสียงวันสุดท้าย ก่อนหย่อนบัตรวันนี้

ขณะนี้เหลือไม่ถึง 24 ชั่วโมงก็จะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 5 พฤศจิกายน ผลสำรวจความเห็นประชาชนต่างชี้ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ และนางคอมมาลา แฮร์ริส