โซล 30 พ.ย. – รัฐบาลเกาหลีใต้จะพบกับตัวแทนของบรรดาคนขับรถบรรทุกที่ผละงานประท้วงอยู่ในวันนี้เพื่อเจรจา ในขณะที่มีความกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าการหยุดงานของคนขับรถบรรทุกจะทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงชาดแคลน ราคาอาหารและสินค้าจำเป็นมีราคาแพงขึ้นและทำให้เศรษฐกิจเสียหาย หลังรัฐบาลใช้กฎหมายที่บังคับให้คนขับรถบรรทุก 2,500 คน ในอุตสาหกรรมซีเมนต์กลับมาทำงาน
กระทรวงขนส่งและสหภาพแรงงานมีกำหนดจะพบกันวันนี้ในเวลา 14.00 น. หรือ ตรงกับเวลา 12.00 น. ในประเทศไทย ซึ่งเป็นการเจรจารอบที่ 2 นับตั้งแต่มีการผละงานประท้วงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่ของสหภาพแรงงานคนขับรถบรรทุกกล่าวว่า ช่องว่างของความเห็นของทั้งสองฝ่ายขยายกว้างมากขึ้นเกินกว่าที่จะประนีประนอมกันได้แล้ว สหภาพแรงงานคนชับรถบรรทุกที่มีสมาชิกราว 2,500 คน ผละงานเพื่อประท้วงกฎเกี่ยวกับค่าแรงขั้นต่ำ นับเป็นการผละงานประท้วงเป็นครั้งที่ 2 ในช่วงเวลาไม่ถึง 6 เดือนและทำให้เกิดความเสียหายเป็นมูลค่าวันละ 300,000 ล้านวอน หรือ ประมาณ 8 พันล้านบาท และทำให้เกิดการหยุดชะงักของกิจกรรมทางอุตสาหกรรมในเกาหลีใต้ ที่คาดว่าจะเกิดเศรษฐกิจซบเซาในปีหน้า
นับจนถึงวันอังคาร สถานีบริการน้ำมัน 21 แห่ง ไม่มีน้ำมันให้บริการแล้ว ในขณะที่สถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศมีน้ำมันในคลังที่สามารถจำหน่ายให้ประชาชนได้เฉลี่ยประมาณ 8 วัน แต่สถานีบางแห่งที่มีลูกค้ามากอย่างในกรุงโซลเริ่มมีการขาดแคลนน้ำมันแล้ว ในขณะที่โครงการก่อสร้าง 985 แห่งทั่วประเทศที่ดำเนินการโดยบริษัทก่อสร้าง 46 แห่ง รายงานว่า การทำงานที่ไซต์งาน 577 แห่ง หรือ คิดเป็นร้อยละ 59 ได้หยุดงานแล้วเนื่องจากขาดแคลนวัสดุก่อสร้าง ประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล กล่าววานนี้ว่า บรรดาคนขับรถบรรทุกเรียกร้องในสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลและระบุว่า รัฐบาลจะดำเนินมาตรการที่เป็นไปได้ทุกทางในการยุติการผละงานประท้วงครั้งนี้ ในขณะที่ผู้นำสหภาพแรงงานไม่พอใจคำสั่งของรัฐบาลที่ให้คนขับรถบรรทุกกลับไปทำงาน โดยกล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญและจะใช้วิธีการทางกฎหมายเพื่อขัดขวางคำสั่งนี้ ทั้งนี้ หากคนขับรถบรรทุกไม่ปฎิบัติตามคำสั่งให้กลับมาทำงาน รัฐบาลสามารถระงับใบอนุญาตขับรถเป็นเวลา 30 วันและจากนั้นสามารถยกเลิกใบอนุญาตขับขี่ได้ นอกจากนั้น ยังอาจถูกลงโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 30 ล้านวอน หรือ ประมาณ 8 แสนบาท.-สำนักข่าวไทย