ลอนดอน 27 ต.ค. – เชลล์ (Shell) บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ มีผลกำไรในไตรมาส 3 ของปีนี้ (ก.ค.-ก.ย.) พุ่งขึ้นกว่า 2 เท่าจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากราคาก๊าซและน้ำมันที่สูงขึ้น
เชลล์ระบุในแถลงการณ์ว่า บริษัทมีผลกำไร 9,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 359,000 ล้านบาท) ในไตรมาส 3 ของปีนี้ เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มี 4,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 159,000 ล้านบาท) แม้ว่าผลกำไรในไตรมาส 3 ของปีนี้ถือว่าลดลงจากไตรมาส 2 (เม.ย.-มิ.ย.) ที่มีสูงถึง 11,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 435,000 ล้านบาท) ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงถึงบาร์เรลละ 120 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4,540 บาท) และมีราคาลดลงในเวลาต่อมา แต่ยังคงอยู่ในระดับสูง จนทำให้เชลล์คาดการณ์ว่า ผลกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัทอาจสิ้นสุดลง
เชลล์รายงานว่า มีผลกำไรทั้งหมด 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.13 ล้านล้านบาท) ในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 โดยวางแผนให้ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นด้วยเงินปันผลประจำเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 และคาดว่าจะทำลายสถิติผลกำไรประจำปีสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของปี 2551 ที่มี 31,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.17 ล้านล้านบาท) เป็นที่แน่นอนแล้ว
อย่างไรก็ดี นายสจ๊วต ลามอนต์ ผู้จัดการด้านการลงทุนของเบรวิน ดอลฟิน บริษัทบริหารจัดการด้านการลงทุนของอังกฤษ ระบุว่า การตัดสินใจเพิ่มผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นของเชลล์อาจทำให้มีบางคนไม่เห็นด้วย เนื่องจากเชลล์มีผลกำไรพุ่งสูงขึ้นในขณะที่ครัวเรือนอังกฤษต้องแบกรับค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่แพงขึ้นเช่นกัน.-สำนักข่าวไทย