นายกฯ สั่งดูแลราคาสินค้าปรับขึ้น

ทำเนียบ 29 เม.ย.-นายกฯ สั่งหามาตรการดูแลราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น แย้มหากมีโอกาสได้ทำงานต่อ ต้องปรับเปลี่ยนนโยบายอีกหลายด้านให้ทันสถานการณ์โลก ขอผู้ประกอบการดูความเหมาะสม ปรับขึ้นราคาสินค้า

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงแนวทางการดูแลปัญหาราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้นว่า จะหามาตรการที่เหมาะสมที่จะช่วยเหลือเพื่อไม่ให้ราคาต้นสูงจนเกินไป แต่ต้องยอมรับว่า ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น การช่วยเหลือต้องดูงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัดว่า สามารถช่วยเหลือได้มากน้อยเพียงใด ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้หยุดนิ่ง ปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าแรง ราคาพลังงาน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องพิจารณามาตรการที่เหมาะสมและเสนอมาให้พิจารณาตนได้ให้แนวทางไปแล้วว่า ให้บรรเทาความเดือดร้อนให้มากที่สุด แต่จะให้ช่วยเหลือแบบ 100% คงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งทุกคนก็ทราบดี หลายคนก็นำมาพูดคุยหรือออกสื่อว่ารัฐบาลแก้ปัญหาไม่ได้ ขอให้ไปดูประเทศอื่น แก้ปัญหาจะน้อยกว่าไทยด้วยซ้ำ เราแก้ได้มากกว่า แต่ก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ซึ่งตนเองก็ยังไม่พอใจ และติดปัญหาตรงที่รัฐบาลมีงบประมาณที่จำกัด ทำอะไรก็ต้องมีหลักการและต้องไม่สร้างภาระไว้ในวันข้างหน้า


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่คิดต่อไปในวันหน้า คือ เรื่องนโยบายที่ต้องเปลี่ยนแปลงอีกหลายอย่าง จากสถานการณ์วันนี้ที่เป็นบทเรียนว่าโลกเปลี่ยนแปลงไปทุกอย่าง ทั้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ด้านสิ่งแวดล้อม

“เป็นแนวทางที่นายกรัฐมนตรีต้องเตรียมการตรงนี้เอาไว้ ว่าจะดำเนินนโยบายของเราต่อไปอย่างไร ถ้ามีโอกาสได้อยู่ ได้ทำ” พลเอกประยุทธ์ กล่าว


ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้นำปัญหาทุกปัญหามาประมวล เดิมเป็นปัญหาของโลกยุคปัจจุบัน ทั้งความเหลื่อมล้ำ เรื่องรายได้ แต่วันนี้พอโควิด-19 เข้ามา ทำให้แผนงานเดิมมีปัญหา เพราะฉะนั้นการแก้ทุกปัญหาต้องใช้งบประมาณสูงมาก

“ส่วนหนึ่งที่จะช่วยรัฐบาลได้ คือการขอให้ผู้ประกอบการทั้งหลาย ช่วยกรุณาดูด้วยว่า การขึ้นราคาบางอย่างเหมาะสมหรือไม่ มันจะมีมาตรการบังคับอยู่แล้วในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ที่ห้ามขึ้นราคาอะไรต่างๆ  ซึ่งการขึ้นราคาต้องสอดคล้องกับภาวะเงินเฟ้อและต้นทุนการผลิต ไม่ใช่จะยังคงผลกำไรมากๆเหมือนเดิมคงไม่ได้ วันนี้ต้องช่วยชาติ ช่วยรัฐบาล ช่วยประชาชนกันบ้าง เพราะรัฐบาลก็ได้รายได้มาจากการประกอบการของท่านนั่นแหละ เมื่อท่านรายได้ไม่ดี รัฐบาลก็รายได้ลด ภาษีก็ลด และจะเอาเงินจากที่ไหนดี ถ้าไม่มีโควิดก็คงดีกว่านี้” พลเอกประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เข้าไปดูแลเรื่องของราคา เรื่องต้นทุนการผลิต และหารือกับสมาคมผู้ประกอบการต่างๆ ซึ่งกระทรวงที่รับผิดชอบต้องหาแนวทางแก้ปัญหาก่อน แต่หากเกินกำลังก็เสนอมาให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา ซึ่งในวันหน้าต้องมีการปรับอีกหลายๆ อย่างเพื่อไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต


“เมื่อโลกมันเปลี่ยน เราก็ต้องปรับ นโยบายรัฐบาล นโยบายด้านการเมืองก็ต้องเปลี่ยนหมด เพราะถ้าอยู่แบบนี้ก็ไปไม่ได้ หลายๆ อย่างที่กำลังจะโต มันก็จะล้ม จะพังลงมา บางทีด้วยความไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน ก็อยากขอร้องการเมืองเบาๆ ลงบ้างก็แล้วกัน ไม่เช่นนั้นก็ทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่น ไม่น่าเชื่อถือ แล้วจะแก้ปัญหาได้อย่างไร เพราะการแก้ปัญหาต้องเกิดจากความร่วมมือ ถ้าขัดแย้งตั้งแต่ต้น คุยไม่รู้เรื่อง ไปกันไม่ได้และแก้ไม่ได้ แล้วใครได้รับผลกระทบ รัฐบาลแน่นอนอยู่แล้ว แต่คนได้รับผลกระทบคือ ประชาชน” พลเอกประยุทธ์ กล่าว

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นโยบายภาครัฐก็ต้องมีการปรับหลายอย่าง ซึ่งรัฐบาลพยามปรับมาตลอดแต่ปรับได้ช้า เพราะยังมีความขัดแย้งอยู่สูง การจะปรับเปลี่ยนอะไรสำหรับประเทศไทยค่อนข้างยาก ซึ่งต้องทำด้วยความระมัดระวัง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

รวบทันควัน คนร้ายบุกเดี่ยวชิงเงินธนาคาร

จับแล้ว คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ธนาคารกลางเมืองเชียงใหม่ ได้เงินสดกว่า 40,000 บาท ก่อนวิ่งหลบหนี ล่าสุดจนมุมตำรวจรวบตัวได้ที่ศาลาริมทางข้างถนน

โป๊ปฟรังซิส สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา

สำนักวาติกัน แถลงผ่านทางโทรทัศน์ของสำนักวาติกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันสิ้นพระชนม์แล้วในวันนี้

Pope inaugurated the Holy Year on Christmas Eve on December 24, 2024

เปิดพระประวัติโป๊ปฟรังซิส

วาติกัน 21 เม.ย.- เว็บไซต์ข่าวโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี (CNBC) ของสหรัฐ เปิดพระประวัติที่น่าสนใจ 10 ประการของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ที่สิ้นพระชนม์วันนี้ (21 เม.ย.68) ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ประการที่ 1 ทรงเป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันและเยสุอิตคนแรก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส มีพระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ เบร์โกกลิโอ ประสูติวันที่ 17 ธันวาคม 2479 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันคนแรกของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก แตกต่างจากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาเกือบ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอิตาลี ทรงมาจากนอกทวีปยุโรปในฐานะพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 266 และเป็นนักบวชคณะเยสุอิตคนแรกที่ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา ประการที่ 2  ทรงมีพื้นเพมาจากอิตาลี แม้ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสประสูติในอาร์เจนตินา แต่ท่านมีมรดกทางชาติพันธุ์จากอิตาลี จากการที่บิดามารดาเป็นผู้อพยพชาวอิตาลี บิดาทำงานเป็นนักบัญชีในทางรถไฟ ขณะที่มารดาอุทิศตนให้กับการเลี้ยงลูกทั้ง 5 คน ประการที่ 3 ทรงศึกษาด้านเคมีและปรัชญา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสศึกษาปรัชญาและมีปริญญาโทในด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ทรงศึกษาในโรงเรียนเทคนิคและได้ฝึกอบรมเป็นช่างเทคนิคเคมี ก่อนเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศาสนาแห่งอัครสังฆมณฑลบิญญา เดโวโต […]