ยูเครน 3 มี.ค. – รัสเซียเพิ่มความรุนแรงในการโจมตีเมืองต่างๆ ของยูเครน ในปฏิบัติการทางทหารที่ดำเนินมาครบ 1 สัปดาห์ ยิงถล่มปูพรมทุกทิศทาง ทั้งเหนือ ใต้ และตะวันออก คาดมีผู้เสียชีวิตเพิ่มจำนวนมาก
ในวันที่ 7 ของการสู้รบระหว่างกองทัพรัสเซียกับยูเครน ล่าสุดโฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ยืนยันว่า เมืองเคอร์ซอน เมืองชายฝั่งริมทะเลดำทางตอนใต้ของยูเครน ถูกกองกำลังรัสเซียยึดเอาไว้ได้ทั้งหมดแล้ว โดยโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนในเมืองไม่ได้รับความเสียหาย ยังใช้การได้ปกติ ไม่มีการขาดแคลนอาหารหรือสิ่งของจำเป็น หากเป็นจริงถือว่าเป็นเมืองใหญ่ที่สุดที่รัสเซียเข้ายึดได้
ส่วนที่เมืองมารียูโพลในทะเลอาซอฟ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน ตกเป็นเป้าถูกโจมตีจากจรวดและขีปนาวุธนานาชนิดของรัสเซียต่อเนื่องนานถึง 15 ชั่วโมง จนพื้นที่ใจกลางเมืองและท่าเรือเสียหายอย่างหนัก คาดมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายร้อยคน โครงสร้างสาธารณูปโภคและอาคารบ้านเรือนเสียหายหนัก จนทางการท้องถิ่นไม่สามารถส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปอพยพผู้บาดเจ็บได้
ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา กองทัพยูเครนเน้นการโจมตีหนักหน่วงที่เมืองคาร์คิฟ เมืองใหญ่อันดับ 2 โดยระดมยิงทั้งปืนใหญ่ จรวด และขีปนาวุธ ถล่มเป้าหมายหลายแห่งในย่านจัตุรัสเสรีภาพ สร้างความเสียหายให้กับทั้งศูนย์แสดงคอนเสิร์ต โรงละครโอเปร่า และอาคารที่ทำการของรัฐบาล ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 21 คน และบาดเจ็บมากกว่า 110 คน
ส่วนที่กรุงเคียฟ ล่าสุด วิตาลี คลิตช์โก อดีตนักชกแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวท ชาวยูเครน ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีกรุงเคียฟ เผยว่ากองทัพรัสเซียกำลังเคลื่อนเข้าใกล้เมืองหลวงแห่งนี้แล้ว ขบวนยานยนต์หุ้มเกราะและกำลังพลรัสเซียอยู่ห่างจากใจกลางกรุงเคียฟออกไปไม่ถึง 25 กิโลเมตร แต่ยืนยันชาวยูเครนทั้งทหารและพลเรือนพร้อมแล้วที่จะปกป้องประเทศ
กระทรวงกลาโหมยูเครน เปิดเผยตัวเลขความสูญเสียของกองทัพรัสเซียล่าสุด อ้างว่าทหารกองทัพยูเครนสามารถสังหารทหารรัสเซียไปได้แล้ว 5,840 นาย แม้จะยังไม่มีสื่อใดยืนยันความถูกต้องของตัวเลขดังกล่าว ส่วนหน่วยงานรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินยูเครนบอกว่ามีพลเรือนเสียชีวิตจากการโจมตีของกองทัพรัสเซียตลอด 7 วันที่ผ่านมา แล้วมากกว่า 2,000 ราย แต่ยังเป็นตัวเลขที่ไม่ได้รับการยืนยันเช่นกัน ก่อนหน้านี้สหประชาชาติระบุจำนวนพลเรือนที่เสียชีวิตในยูเครนที่อย่างน้อย 136 ราย แต่คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอีกมาก
ในส่วนของการเจรจาหยุดยิงระหว่างสองฝ่ายรอบใหม่ นายดมิทรี เปสคอฟ ทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย แถลงว่า เจ้าหน้าที่รัสเซียพร้อมเปิดการเจรจารอบสองกับยูเครนในวันพุธ แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายยูเครนจะเข้าร่วมหรือไม่ เพราะยังมีข้อมูลเกี่ยวกับการเจรจาที่ไม่ตรงกัน แต่รัสเซียพร้อมส่งเจ้าหน้าที่ตัวแทนเจรจาไปรอที่พรมแดนเบลารุสกับโปแลนด์แล้ว
ทั้งนี้ การเจรจาสันติภาพรอบแรกนานกว่า 5 ชั่วโมง ที่เมืองโกเมล ประเทศเบลารุส ในวันจันทร์ที่ผ่านมา ล้มเหลว ไม่สามารถบรรลุความคืบหน้าอย่างชัดเจน ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวในวันอังคารว่ารัสเซียต้องหยุดทิ้งระเบิดโจมตีหลายเมืองในยูเครน ก่อนการเจรจาสันติภาพรอบใหม่จะเกิดขึ้น
ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 7 ปี โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส หรือ WTI ส่งมอบเดือนเมษายน ปรับเพิ่ม 7.69 ดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 8 ปิดที่ 103.41 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ แหล่งทะเลเหนือ ส่งมอบเดือนพฤษภาคม ปรับเพิ่ม 7 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบร้อยละ 7.2 ปิดที่ 104.97 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สูงสุดตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2557
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าการที่ชาติตะวันตกคว่ำบาตรรัสเซียจะกระทบต่อการส่งออกพลังงานของรัสเซีย ส่งผลให้เชื้อเพลิงในตลาดโลกเสี่ยงต่อภาวะขาดแคลนมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย