รัฐสภา 17 ก.พ. – “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” ประกาศลาออกจาก ส.ส.กลางสภาฯ ชี้พรรคเศรษฐกิจใหม่อุดมการณ์ต่าง ฉะปมลิงกินกล้วย
ในระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่ออภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ซึ่งเป็นลำดับของนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ ลุกขึ้นอภิปรายถึงภาวะความเป็นผู้นำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ส่งผลต่อการบริหารประเทศ ทำให้เศรษฐกิจไทยตกต่ำอย่างต่อเนื่อง สร้างหนี้สาธารณะทะลุ 9 ล้านล้านบาท จนไม่รู้เมื่อไรจะใช้หมด ซึ่งหากรัฐบาลยังไม่หยุดแจกเงิน ประชาชนจะต้องเป็นผู้แบกภาระหนี้เหล่านี้ ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น 7 ครั้ง ภายในเดือนเดียว กองทุนน้ำมันฯ ติดลบ 1.4 หมื่นล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่า การบริหารเศรษฐกิจล้มเหลว การแก้ไขปัญหาโควิด-19 ก็ล้มเหลว ทำให้เจ๊งทั้งประเทศ เกิดความเหลื่อมล้ำ คนจนก็จนสุด คนรวยก็รวยสุด เกิดคดีอาชญากรรมมากมาย
ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ อยู่มา 3 ช่วงระยะเวลา ตั้งแต่ยุครัฐบาล คสช. ปี 2557 ยุครัฐธรรมนูญ 2560 และยุคโควิด-19 ซึ่งมีคนพูดว่า อย่าโทษเพียงโควิด-19 อย่างเดียว ผลกระทบทางเศรษฐกิจไม่เหมือนกัน เพราะขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการ และฝีมือการรับมือสถานการณ์ของรัฐบาล วันนี้เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตนเน้นไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ อยากถามคนไทยทั้งประเทศว่า จะ 8 ปีแล้ว มีความสุขหรือความทุกข์ ตนเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งทางพรรคยืนยันว่า จะไม่ร่วมรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงอยากถาม พล.อ.ประยุทธ์ ว่า ท่านไปทำอะไร หรือให้ใครไปทำอะไร ทำให้คนพวกนั้นเปลี่ยนจุดยืน แต่ตนไม่สามารถเปลี่ยนจุดยืนที่ให้ไว้กับประชาชนได้
ทั้งนี้ ตนไม่มีความสุขกับการทำงาน โดยขอบคุณประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ และทุกคะแนนเสียง ตนขอยื่นใบลาออก สละความเป็น ส.ส. เพราะตนได้ขอให้พรรคเศรษฐกิจใหม่ขับตนออกจากพรรค เนื่องจากอุดมการณ์ต่างกัน โดยจากนี้ไปตนจะยังคงดำเนินกิจกรรมทางการเมือง และจะยังใช้องค์ความรู้ที่มีทำงานเพื่อประชาชน ซึ่งสามารถติดตามผลงานได้ที่เฟซบุ๊กเพจ “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” ได้ตลอดเวลา และที่สำคัญที่สุดจะพิสูจน์ให้รู้ว่า แม้ไม่ได้เป็นรัฐบาล ความเหลื่อมล้ำจะสามารถแก้ไขได้ไหม และจะไปเตรียมตัวสำหรับการเลือกตั้งสมัยหน้า
อย่างไรก็ตาม ระหว่างการอภิปราย นายมิ่งขวัญ มีเสียงสั่นเครืออยู่ตลอดช่วงของการอภิปราย ซึ่งนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ กล่าวว่า “ไม่ต้องร้องไห้นะครับ” – สำนักข่าวไทย