ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย 26 ม.ค.-“นายกรัฐมนตรี” นำคณะ เดินทางเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ เดินหน้าฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันให้เป็นปกติสมบูรณ์ สะสางประเด็นที่คั่งค้าง เห็นพ้องตั้งเอกอัครราชทูตประจำเมืองหลวงของทั้งสองประเทศในอนาคตอันใกล้ เพื่อส่งเสริมร่วมมือทวิภาคี
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ ประกอบด้วย นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เดินทางถึงกรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เมื่อเวลา 11.20 น.ของวันที่25 มกราคม 2565 ตามเวลาท้องถิ่นกรุงริยาด ซึ่งตรงกับเวลา 15.20 น. ตามเวลาประเทศไทย ในโอกาสเดินทางเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด (His Royal Highness Prince Mohammad bin Salman bin Abdulaziz Al Saud) มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นการเยือนในระดับผู้นำรัฐบาลระหว่างสองประเทศเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี
จากนั้นในเวลา 13.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นกรุงริยาด ซึ่งตรงกับเวลา 17.30 น. ตามเวลาประเทศไทย นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ พร้อมเข้าเฝ้าฯ เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งซาอุดีอาระเบีย เพื่อหารือข้อราชการ ณ สำนักพระราชวังซาอุดีอาระเบีย (Royal Court) พระราชวังอัล ยะมามะฮ์ (Al Yamamah Palace)
โดยนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยถึงผลการหารือว่า มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบียทรงให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีอย่างสมเกียรติ ทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันความตั้งใจร่วมกันในการสะสางประเด็นที่คั่งค้างทั้งหมดระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย และปรับความสัมพันธ์ระหว่างสองราชอาณาจักรให้เป็นปกติ รวมทั้งยังได้ย้ำความสำคัญของการส่งเสริมความสัมพันธ์ฉันมิตรของสองราชอาณาจักร และการเปิดศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย
นายธนกร กล่าวว่า ไทยให้ความสำคัญสูงสุดกับความสัมพันธ์ฉันมิตรกับชาอุดีอาระเบีย และแสดงความเสียใจยิ่งต่อโศกนาฎกรรมที่เกิดขึ้นที่ประเทศไทยระหว่างปี พ.ศ. 2532-2533 ยืนยันว่า ไทยได้พยายามอย่างที่สุดแล้วในการสะสางกรณีต่าง ๆ และหากมีหลักฐานใหม่ก็พร้อมที่จะนำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยพิจารณา ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันความมุ่งมั่นในการดำเนินการอย่างเต็มที่ เพื่อดูแลความปลอดภัยของคนชาติของกันและกันในแต่ละประเทศ
นอกจากนี้ ยังได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นในภูมิภาค ประเด็นระหว่างประเทศต่าง ๆ และได้หารือถึงแนวทางในการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีในทุกสาขา และยังเห็นพ้องที่จะเพิ่มการมีปฏิสัมพันธ์ และการติดต่อประสานงานระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนของแต่ละฝ่าย เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีเพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองราชอาณาจักร
ทั้งนี้ไทยและซาอุดีอาระเบีย คำนึงถึงจิตวิญญาณของความร่วมมือและความตั้งใจร่วมกัน เพื่อฟื้นฟูมิตรภาพและความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างสองราชอาณาจักรและประชาชน ภายใต้การนำและพระราชวิสัยทัศน์อันเข้มแข็ง ของ สมเด็จพระราชาธิบดีซัสมาน บิน อับดุลอะชีซ อัลชะอุด (His Majesty King Salman bin Abdulaziz Al Saud) และมกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และวิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย โดยสองฝ่ายได้เห็นชอบร่วมกันให้ปรับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันให้เป็นปกติอย่างสมบูรณ์ ซึ่งความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์นี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากความพยายามในหลายระดับของทั้งสองฝ่ายที่มีมาอย่างยาวนาน เพื่อฟื้นฟูความไว้เนื้อเชื่อใจและความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างกัน
นายธนกร กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องกับขั้นตอนสำคัญต่าง ๆ ที่จะดำเนินการเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ทวิภาคี ซึ่งรวมถึงการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำเมืองหลวงของทั้งสองประเทศในอนาคตอันใกล้ และการจัดตั้งกลไกการปรึกษาหารือเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคี การติดต่อประสานงานอย่างเต็มที่จะเริ่มต้นขึ้นในช่วงหลายเดือนหน้า เพื่อหารือความร่วมมือทวิภาคีในสาขายุทธศาสตร์ที่สำคัญ
พร้อมหารือแนวทางในการส่งเสริมและเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสองราชอาณาจักรโดยการแสวงหาโอกาสในด้านการลงทุนและอื่น ๆ ในบริบทของวิสัยทัศน์ ค.ศ 2030 ของซาอุดีอาระเบีย และวาระการพัฒนาแห่งชาติของไทยอย่างนโยบายเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio – Circular – Green Economy) และเห็นพ้องที่จะแสวงหาความร่วมมือในสาขาใหม่ ๆ อาทิ พลังงานทดแทน สิ่งแวดล้อม การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการพัฒนา และความมั่นคงทางไซเบอร์ และยังเน้นย้ำความสำคัญของการส่งเสริมความสัมพันธ์ในระดับประชาชน ซึ่งจะเป็นรากฐานสำหรับความสัมพันธ์ที่กำลังเดิบโตระหว่างทั้งสองราชอาณาจักร รวมทั้งการส่งเสริมการสนทนาแลกเปลี่ยนระหว่างศาสนาและพหุวัฒนธรรม
นายธนกร กล่าวว่า ไทยและซาอุดีอาระเบียเห็นพ้องที่จะสนับสนุนซึ่งกันและกันในองค์การและเวทีระหว่างประเทศ และเนันย้ำความสำคัญของการยึดมั่นของทุกประเทศต่อกฏบัตรสหประชาชาติ บรรทัดฐานระหว่างประเทศ รวมถึงหลักการการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี การเคารพในบูรณภาพแห่งดินแดนและอธิปไตย การไม่แทรกแซงกิจการภายใน และการระงับข้อขัดแย้งโดยสันติวิธี พร้อมยังยินดีกับบทบาทที่สร้างสรรค์ของกันและกันในแต่ละภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทที่สำคัญของไทยในอาเชียน และบทบาทนำของชาอุดีอาระเบียในการธำรงไว้ซึ่งสันติภาพ ความมั่นคง และการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
โอกาสนี้นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความยินดีกับซาอุดีอาระเบียสำหรับความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพและการจัดการประชุมผู้นำกลุ่ม G20 ซึ่งได้ส่งผลเชิงบวกในหลายด้าน เช่น เศรษฐกิจ การพัฒนาสิ่งแวดล้อม สาธารณสุข พลังงาน เป็นต้น ซึ่งมกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรชาอุดีอาระเบียทรงแสดงความมั่นใจว่าการเป็นเจ้าภาพกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation: APEC) และการประชุมกรอบความร่วมมือความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation: BIMSTEC) ในปี 2565 ของไทยจะประสบความเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการเติบโตที่ยั่งยืน สมดุล และมีส่วนร่วมของเศรษฐกิจของภูมิภาคและของโลกในยุคหลังโรคโควิด-19
ทั้งนี้ไทยยินดีกับกับข้อริเริ่มซาอุดีอาระเบียสีเขียว (Green Saudi Initiative) และตะวันออกกลางสีเขียว (Middle East Green Initiative) ที่ริเริ่มโดยมกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย รวมถึงชื่นชมบทบาทนำของซาอุดีอาระเบียในประเด็นระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และผลกระทบเชิงบวกต่อภูมิภาคและประชาชน มกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรชาอุดีอาระเบียทรงชื่นชมนโยบาย BCG ของไทย ซึ่งมุ่งส่งเสริมการใช้ทรัพยากรประสิทธิภาพ แปลงขยะให้กลายเป็นความมั่งคั่ง ฟื้นคืนความหลากหลายทางชีวภาพ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน บิน อับดุลอะชีช อัลชะอูด และมกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และได้ถวายพระพรชัยมงคลแด่ทั้งสองพระองค์ให้ทรงมีพระพลานามัยที่สมบูรณ์ และขออวยพรให้ประชาชนชาวซาอุดีอาระเบียมีความมั่งคั่งและความเจริญรุ่งเรือง ด้านมกุฏราชกุมารแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียได้ถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ทรงมีพระพลานามัยที่สมบูรณ์และทรงพระเจริญ และทรงอำนวยพรให้นายกรัฐมนตรีมีสุขภาพดี ประสบความสุขสวัสดี และทรงอำนวยพรให้ประชาชนชาวไทยมีความมั่งคั่งและความเจริญรุ่งเรือง
ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือข้อราชการ เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งซาอุดีอาระเบีย พระราชทานอาหารเลี้ยงกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรี ณ พระราชวังอัล ยะมามะฮ์.-สำนักข่าวไทย