เชียงใหม่ 26 ธ.ค.-จังหวัดเชียงใหม่ แถลงพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน 2 ราย เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาผ่านระบบ Test & Go ขณะนี้ติดตามไทม์ไลน์และควบคุมผู้เสี่ยงสูง-เสี่ยงต่ำได้ครบแล้วทั้งหมด ยืนยันยังไม่มีการแพร่ระบาดในพื้นที่ ย้ำประชาชนต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด และเข้ารับวัคซีนเข็มที่ 3 โดยเร็วเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันสายพันธุ์โอไมครอน
วันนี้ (26 ธ.ค. 64) ที่ศูนย์บัญชาการสถานการณ์การแพร่ระบาดโรค COVID-19 จังหวัดเชียงใหม่ นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายแพทย์วรัญญู จำนงประสาทพร รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และแพทย์หญิงเสาวนีย์ วิบุลสันติ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่ ร่วมกันแถลงการสอบสวนเบื้องต้นผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์ที่มีความสำคัญทางสาธารณสุข จังหวัดเชียงใหม่
นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ที่ผ่านมาสถานการณ์โควิด-19 ของจังหวัดเชียงใหม่ดีขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ แต่มีเรื่องสำคัญที่จะต้องแจ้งให้ประชาชนทุกคนทราบ เพื่อเตรียมตัว ตื่นตัว และตระหนักไปพร้อมกัน เนื่องจากได้มีการตรวจหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกพบว่ามีชาวต่างชาติ 2 ราย ที่เดินทางมาจากอังกฤษและเยอรมนี ผ่านระบบ Test & Go พบว่ามีการติดเชื้อและคาดว่าจะเป็นสายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งขณะนี้สามารถติดตามไทม์ไลน์และควบคุมได้แล้ว จึงขอแจ้งให้ประชาชนทุกคนทราบว่ามีเชื้อสายพันธุ์ใหม่เข้ามาแล้ว แต่อย่าได้ตื่นตระหนก เพราะตอนนี้ได้สอบสวนและควบคุมโรคแล้ว
นายแพทย์วรัญญู จำนงประสาทพร รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับแจ้งผลตรวจสายพันธุ์ของผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาผ่านระบบการคัดกรองแบบ Test & Go จำนวน 2 ราย ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นสายพันธุ์โอไมครอน ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจยืนยันโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ คาดว่าจะทราบผลยืนยันในอีก 2 วัน อย่างไรก็ตามทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้ดำเนินการสอบสวนและควบคุมโรคอย่างเข้มข้นตั้งแต่ได้รับรายงาน
โดยผู้ติดเชื้อรายแรกเป็นชายชาวเยอรมัน อายุ 22 ปี เดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในวันที่ 17 ธันวาคม ผลตรวจ RT-PCR ในวันแรกไม่พบเชื้อ ผู้ติดเชื้อรายนี้อยู่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 17-20 ธันวาคมและได้เดินทางมายังจังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 20 ธันวาคม ด้วยสายการบินไลออนแอร์ SL510 ก่อนจะเข้าพักในคอนโดที่จองไว้ ย่านช้างคลาน และได้เดินทางไปเที่ยวใน อำเภอแม่วาง (private tour) ในวันที่ 21 ธันวาคม เริ่มมีอาการผิดปกติ วันที่ 22 ธันวาคม จึงเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลเอกชน พบว่าติดเชื้อ จากผลการติดตามผู้สัมผัสของผู้ติดเชื้อรายแรกพบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จำนวน 18 ราย เสี่ยงต่ำ 7 ราย ขณะนี้ติดตามตัวได้ทั้งหมดแล้ว โดยผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ประกอบด้วย (1) ผู้สัมผัสในเที่ยวบิน ซึ่งเป็นผู้ที่นั่งอยู่ใน 2 แถวหน้า-หลัง และแถวเดียวกันกับผู้ติดเชื้อ จำนวน 13 ราย อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ 4 ราย ตรวจแล้วผลลบแล้ว 3 ราย และได้เข้ารับการตรวจหาเชื้อในวันนี้อีก 1 ราย (2) พนักงานขับรถแท็กซี่ 1 ราย ผลตรวจรอบแรกเป็นลบ (3) พนักงานขับรถและไกด์นำเที่ยว 2 ราย อยู่ระหว่างการรอผลตรวจ (4) เพื่อนร่วมเดิมทางไปที่ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน 1 ราย ได้ติดตามเพื่อเข้ารับการตรวจวันนี้ (5) หมอนวด 1 ราย อยู่ระหว่างรอผลตรวจ และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 7 ราย เป็นพนักงานร้านกาแฟ ผลตรวจเป็นลบ 6 ราย และอยู่ระหว่างรอผลอีก 1 ราย
ส่วนผู้ติดเชื้อรายที่ 2 เป็นชายชาวอังกฤษ อายุ 64 ปี เดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในวันที่ 18 ธันวาคม ผลตรวจ RT-PCR ในวันแรกไม่พบเชื้อ ได้เดินทางต่อมายังจังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 19 ธันวาคม ด้วยสายการบินไทยสไมล์ WE110 และเข้าพักที่บ้านเช่าใน อำเภอสันทราย ผู้ติดเชื้อรายนี้ได้ตรวจ ATK ด้วยตนเองในวันที่ 24 ธันวาคมพบผลบวก จึงเข้ารับการตรวจ RT-PCR ที่โรงพยาบาลดอยสะเก็ด ก่อนจะทราบผลติดเชื้อในเวลาต่อมา ขณะนี้รักษาตัวในโรงพยาบาลสันทราย
จากผลการติดตามผู้สัมผัสของผู้ติดเชื้อพบผู้สัมผัส ได้แก่ (1) เพื่อนที่ร่วมเดินทาง 3 ราย เข้ารับการตรวจแล้วทั้งหมด ผลเป็นลบ 2 ราย อีก 1 ราย อยู่ระหว่างรอผลตรวจ (2) ผู้สัมผัสในเที่ยวบิน WE110 ที่นั่งอยู่ 2 แถวหน้า-หลัง และแถวเดียวกัน ยังอยู่ระหว่างการติดตามข้อมูลจากสายการบิน และ (3) พนักงานขับรถแท็กซี่ 1 ราย อยู่ระหว่างการติดตาม
ด้านแพทย์หญิงเสาวนีย์ วิบุลสันติ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่ กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ที่เจอยังเป็นผู้ที่เดินทางเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่ง 2 รายนี้ก็เช่นเดียวกัน ที่ผ่านมาตามระบบ Test & Go เมื่อตรวจ RT-PCR ไม่พบเชื้อจึงเดินทางมาต่อมายังจังหวัดเชียงใหม่ มีการติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในทุกๆ แห่ง ที่ผู้ติดเชื้อมีประวัติเดินทางไป และแจ้งให้ผู้สัมผัสเสี่ยงสุงทุกคนหยุดกิจกรรมทุกอย่าง และเข้ารับการตรวจ RT-PCR แล้ว ซึ่งบางรายผลออกแล้วเป็นลบ และบางรายอยู่ระหว่างรอผล โดยผู้ที่ผลตรวจรอบแรกเป็นลบจะต้องกักตัวจนครบ 14 วัน และทำการตรวจหาเชื้อซ้ำอีกครั้ง ทั้งนี้ขอให้มั่นใจว่าเมื่อพบผู้ติดเชื้อทางสาธารณสุข สามารถดำเนินการและตรวจจับเชื้อ สวบสวนโรค ควบคุมโรคได้ทันที
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้เน้นย้ำให้พี่น้องประชาชนเพิ่มความระมัดระวังตัวให้มากขึ้น และยังไม่มีการระบาดในพื้นที่ แต่เป็นการระบาดจากต่างประเทศเข้ามา จังหวัดเชียงใหม่ได้รณรงค์ให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 โดยเร็วที่สุด เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันในการป้องกันโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน รวมทั้งทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่จะมีการวางมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเป็นระบบ โดยผ่านการประเมินจากทีมแพทย์ ซึ่งมาตรการทุกอย่างจะต้องเข้มงวดเหมือนเดิม โดยเฉพาะร้านอาหารต่างๆ ต้องปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าต่อไปได้ .-สำนักข่าวไทย