BIG STORY : ฟังจากปาก 2 ฝ่าย ปมวิวาห์ล่ม

ชุมพร 23 พ.ย. – กรณีคู่บ่าวสาวกำลังจะเข้าพิธีแต่งงาน เตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้วแต่กลับถูกครอบครัวเจ้าบ่าวขอยกเลิกงานแต่ง ให้เหตุผลไม่มีเงินสินสอด ด้านฝ่ายชายพาทั้งแม่และพี่สาวออกมาโต้ ยืนยันไม่ได้เทงานแต่ง แค่เลื่อน แต่ฝ่ายหญิงจัดการเองหมดโดยไม่ปรึกษา ยอมรับตอนแรกไม่คิดออกมาตอบโต้ แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้คงต้องออกมาพูดเพื่อศักดิ์ศรีของครอบครัว


กรณีคู่บ่าวสาวกำลังจะเข้าพิธีแต่งงาน เตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว แต่กลับถูกครอบครัวเจ้าบ่าวขอยกเลิกงานแต่ง ให้เหตุผลไม่มีเงินสินสอด ส่วนเจ้าบ่าวก็ติดต่อไม่ได้ ล่าสุดเจ้าสาวออกมาบอกว่าหากทำกันแบบนี้ขอตัดสัมพันธ์รัก 9 ปี พร้อมบอกให้เจ้าบ่าวแมนๆ มาคุยและเคลียร์หนี้ด้วย หากไม่มาจะฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นล้าน

เหตุการณ์นี้โด่งดังขึ้นเมื่อเพจเฟซบุ๊ก “อีซ้อขยี้ข่าว” โพสต์เรื่องราวสุดเศร้าของเจ้าสาว โดยบอกว่าความฝันของผู้หญิงคนหนึ่งต้องล้มครื้นลงทันที หลังถูกฝ่ายชายและทางญาติยกเลิกการจัดงานแต่งไปอย่างดื้อๆ สั่งให้ทั้งคู่หยุดความสัมพันธ์ ทั้งที่คบกันมานานถึง 9 ปี ที่สำคัญทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ การ์ดเชิญ ของชำร่วย รวมถึงเรือนหอที่ใกล้เสร็จ รอแค่แขกที่จะไปแสดงความยินดีกับงานแต่งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วัน จู่ๆ ญาติฝ่ายชายโทรมายกเลิกด้วยเหตุผลสั้นๆ คือยังไม่มีเงินสินสอด เออ…จบทุกอย่างแบบนี้ง่ายๆ ก็ได้ด้วย เห็นใจผู้หญิง เสียทั้งเงิน เสียทั้งความรู้สึก แถมเสียหน้าอีก แบบนี้น่าหาทนายมือดีมาช่วยจัดการจะได้ไม่ไปทำกับคนอื่น


เจ้าสาวแจงละเอียด คบ 9 ปี ถูกเท เครียดหนักถึงขั้นกินยาตาย
หลังเรื่องราวถูกแชร์ไป มีคนมาแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง ทั้งแสดงความเสียใจกับเจ้าสาว ต่อว่าเจ้าบ่าว และบางรายก็คอมเมนต์ในเชิงตั้งคำถามว่าเรียกสินสอดแพงไปใช่ไหมถึงถูกเท ทำให้เจ้าสาวต้องออกมาโพสต์อธิบายเรื่องราว โดยเธอบอกว่ารู้จักกับฝ่ายชายเมื่อ 24 พฤศจิกายน 2555 ตอนนั้นเธออยู่ ม.5 ตั้งแต่รู้จักคบหากันมา ไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย รักกันดีมาก ดูแลกันดีมาก และหลังคบกันมานาน 9 ปี วันที่ 21 พฤศจิกายนปีที่แล้ว ฝ่ายชายก็มาขอเธอแต่งงาน

จากนั้น 8 เมษายน ครอบครัวของฝ่ายชายเชิญผู้ใหญ่ฝ่ายเธอมาคุยเรื่องสินสอด ก่อนที่จะตกลงกันเป็นเงิน 600,000 บาท ทอง 5 บาท ส่วนเรื่องงานให้ครอบครัวฝ่ายหญิงเป็นคนเตรียมและจองบ้าน ขณะที่ฝ่ายชายไปหาฤกษ์ที่วัด พร้อมนัดจองถ่ายพรีเวดดิ้งกันวันที่ 17 กรกฎาคม ส่วนฤกษ์ที่ไปถามทางวัด ได้ฤกษ์วันที่ 14 พฤศจิกายน

เธอบอกว่าก่อนถึงวันแต่ง ช่วงเตรียมงานเธอก็ได้ปรึกษากับแฟนว่าจัดกันภายในครอบครัว โดยนัดจดทะเบียนสมรสกันวันที่ 12 พฤศจิกายน ถ่ายรูปทะเบียนสมรสวันที่ 14 พฤศจิกายน (วันแต่ง) แต่ยังไม่ทันถึงวันจดทะเบียนสมรส และวันแต่ง วันที่ 10 พฤศจิกายน ก็เกิดปัญหา ครอบครัวฝ่ายชายโทรมา และมีปากเสียงกับลูกของตัวเองด้วย จากนั้นเธอก็ติดต่อแฟนไม่ได้ ทำให้เธอเครียดกินยาฆ่าตัวตาย


ผ่านไป 2 วัน (12 พ.ย.) เธอทนไม่ไหว จึงขอหมอออกจากโรงพยาบาลเพื่อไปตามหาแฟน กระทั่งไปพบอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง แต่เขาบอกว่าเขาขออยู่วัดก่อนเพื่อความสบายใจ แต่เธอมารู้ภายหลังว่าเขากลับบ้านไปกับครอบครัวในคืนนั้นแล้วไม่ติดต่อมาอีกเลย มือถือก็ปิด ทำให้เธอต้องโทรไปเบอร์คนในครอบครัวเขาแทน และก็ได้รับคำตอบจากฝ่ายชายว่า ขอจบกันเท่านี้

เธอบอกว่าวินาทีนั้นเหมือนตายทั้งเป็น หมดแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง พ่อแม่ ครอบครัว อับอายขายหน้าไปหมด มีแต่คำถามทุกวัน กินไม่ได้ นอนไม่หลับ อยากจะตายให้พ้นไป ยิ่งมาตอนหลังรู้ข่าวว่าฝ่ายชายกับครอบครัวกินอิ่ม นอนหลับ ไม่ทุกข์ใจ ไม่มีแม้แต่คำขอโทษ ทั้งๆ ที่คบกันมา 9 ปี และนอกจากรู้ว่าเขากินอิ่ม นอนหลับ และเขาก็รู้ว่าเธอเสียใจ ครอบครัวฝ่ายชายยังมากดอีโมจิหัวเราะ เธอยิ่งแค้นใจ อยากขอความเป็นธรรม ฝากคนที่รู้จักหากเจอผู้ชายคนนี้ฝากถามเขาหน่อย จิตใจทำด้วยอะไร

เรียกร้องฝ่ายชายมาคุยแมนๆ เคลียร์หนี้ก่อนถูกฟ้องเป็นล้าน
ส่วนประเด็นเรื่องสินสอดที่หลายคนสงสัย เรียกไปแพงจริงจนฝ่ายชายไม่มีให้ ฝ่ายชายทำงานอะไร วันนี้ที่ฝ่ายหญิงได้มาออกรายการดังช่องหนึ่ง เธอให้ข้อมูลว่าครอบครัวฝ่ายชายมีฐานะดี มีธุรกิจส่วนตัว ส่วนฝ่ายชายเปิดอู่ซ่อมรออยู่ที่ชุมพร ที่สำคัญกว่านั้น ที่แม่เธอเรียกสินสอดไปเป็นเงินสด 600,000 บาท ทอง 5 บาท แม่ถามฝ่ายชายแล้วว่าไหวไหม เพราะถ้าไม่ไหวแม่ให้ฟรีไปเลย ทางนั้นบอกว่าไหว ทำให้เธอค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ใช่ปัญหาเรื่องเงิน และไม่ใช่เรื่องมีผู้หญิงคนอื่นด้วย ตอนนี้ที่เธอออกมาพูดกับสังคม เพราะอยากมาทวงศักดิ์ศรีคืน หากฝ่ายชายอยากจบ เธอบอกเลยวันนี้จบได้เลย แต่ขอให้มาคุยแบบแมนๆ เหมือนตอนมาจีบ เพราะตอนนี้ยังติดต่อไม่ได้ ที่สำคัญตอนนี้มีหนี้การจัดงานแต่ง ทั้งค่าจองโรงแรม พรีเวดดิ้ง ดอกไม้ ค่าชุด อยู่ 170,000 บาท เพราะฝ่ายเธอสำรองจ่ายทั้งหมด ยืนยันแม้ยังรักและห่วงใย แต่จะไม่กลับไปหา และหากฝ่ายชายไม่มาคุยไกล่เกลี่ยดีๆ จะฟ้องเป็นล้าน ฟ้องให้มากกว่าค่างานแต่งที่จ่ายไปเกือบ 200,000 บาทด้วย

ฝ่ายชายโต้ไม่ได้ “เท” แค่ “เลื่อน” แต่ยอมรับขอจบเรื่องเอง
นายกฤษฎา หรือเกม อายุ 27 ปี ยืนยันไม่ได้เทงานแต่ง และตลอดเวลาที่คบกันเขาได้ช่วยเหลือดูแลฝ่ายหญิงมาตลอด ไม่ว่าจะให้ทำอะไร ไม่ว่าจะซักผ้า ล้างจาน ซื้อกับข้าว ทั้งๆ ที่ตอนอยู่บ้านของตัวเองไม่เคยทำ ย้ำว่าที่ผ่านมาตามใจทุกอย่าง เพื่อไม่ให้มีปัญหา แก้ไขตัวเองในทุกๆ เรื่อง ปรับเปลี่ยนตัวเองจนบางครั้งแทบรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง

นอกจากนี้หากถามเรื่องว่ามือที่ 3 ยืนยันว่าไม่มีทั้งคู่ เพราะต่างคนต่างตั้งใจสร้างครอบครัวด้วยกัน และช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ฝ่ายหญิงพูดเรื่องแต่งงานมาตลอด โดยบอกว่าเลข 7 เป็นเลขอาถรรพ์ กลัวจะเลิกกัน จึงอยากแต่งงาน ขอให้ฝ่ายชายมาขอ แต่ส่วนตัวรู้ว่าที่บ้านยังไม่พร้อม เพราะมีทั้งเรื่องเศรษฐกิจในตอนนี้ และโควิดที่กำลังระบาด แต่ยอมรับว่าไม่ได้บอกฝ่ายหญิงว่างานการที่ทำอยู่ขาดสภาพคล่อง เพียงแต่คอยบอกฝ่ายหญิงว่าพ่อแม่ยังไม่ว่าง เพื่อจะได้หาเหตุผลเลื่อนการสู่ขอออกไป กระทั่งฝ่ายหญิงยื่นคำขาดหากไม่มาสู่ขอก็จะเลิก ทำให้ต้องยอมมาคุยกับพ่อแม่ และตกลงกันเรื่องสินสอด โดยมีฝ่ายหญิงเป็นคนจัดการในเรื่องการถ่ายพรีเวดดิ้ง หาฤกษ์แต่งงาน และเตรียมงานทุกอย่างเองหมด ส่วนตัวในตอนนั้นคิดว่าคงจะหาเงินสินสอดมาได้ ย้ำว่าตัวเองรู้ดีว่าพ่อแม่ไม่พร้อม แต่อีกใจหนึ่งก็สงสารฝ่ายหญิง เพราะเตรียมเรื่องต่างๆ ไว้แล้ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อฝ่ายหญิงไปหาฤกษ์แต่งงาน พ่อแม่ของตนได้ขอเลื่อนงานแต่งไปก่อน เพราะยังไม่มีค่าสินสอด โดยบอกว่าหากสถานการณ์ดีขึ้นจะจัดเลี้ยง จัดงานแต่งงานให้เหมือนเดิม พร้อมกับยอมรับช่วงก่อนงานแต่งไม่กี่วัน รู้ตัวอยู่แล้วว่าไม่มีสินสอดที่จะเอาไปให้ฝ่ายหญิงแน่นอน และคิดว่าคงจะไม่จดทะเบียนสมรส หรือมีงานแต่งเกิดขึ้น ทำให้คิดจบปัญหาทั้งหมด โดยการจบชีวิตตัวเอง แต่เมื่อฝ่ายหญิงรู้ว่าฝ่ายชายจะไม่มาจดทะเบียนสมรส จึงกินยาฆ่าตัวตาย ส่วนแม่ของฝ่ายหญิงได้มาบอกว่าหากไม่มีสินสอดมาก็ขอจบกันเท่านี้ เพราะถือว่าเลี้ยงดูลูกของเขาไม่ได้

เกมยังย้ำอีกว่าหลังจากนั้นในวันที่ 12 พฤศจิกายน ก็คิดจะจบชีวิตตัวเอง เพื่อจบปัญหา จึงขับรถออกจากบ้านไป ลงไปในทะเลเพื่อฆ่าตัวตาย แต่ถูกคลื่นซัดขึ้นฝั่ง จึงไปขออาศัยอยู่ที่วัดในแถบนั้น จนพี่สาวมาตามหาเจอจึงพากลับบ้าน ยอมรับตอนแรกไม่คิดออกมาตอบโต้ แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้คงต้องออกมาพูดเพื่อศักดิ์ศรีของครอบครัว

แม่รับสินสอดแพงไม่พอจ่าย-แค่ขอลูกเลื่อนงานแต่ง ไม่ได้เท
ส่วนแม่ของฝ่ายชายให้ข้อมูลเพิ่มว่า ลูกบอกให้ไปคุยกับครอบครัวฝ่ายหญิง ทางนั้นบอกว่าเรียกไม่แพง แม่เลยตัดสินใจไปคุย แต่เมื่อไปคุยครอบครัวฝ่ายหญิงเรียกสินสอดเป็นเงินสด 800,000 บาท ทองคำ 10 บาท แม่จึงต่อรองทางนั้นจึงลดให้เหลือ 600,000 บาท กับทองคำ 5 บาท ยืนยันว่าขอเลื่อน ไม่ได้ยกเลิกงาน จนมารู้ทีหลังแม่ฝ่ายหญิงโทรมาต่อว่า แม่จึงไปคุยกับเกม เกมก็บอกว่าขอจบทุกอย่าง ไม่ไปต่อ ด้วยท่าทางที่ไม่มีความสุข และหายตัวไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชนแล้วหนี! 2 หนุ่มกลัวถูกจับดึงสลักระเบิดดับ

2 หนุ่มชนแล้วหนี โบกรถมาขึ้นสามล้อเครื่อง ตำรวจตามกระชั้นชิด ตัดสินใจดึงสลักระเบิด แต่สะดุดล้มระเบิดตูมสนั่นดับ 1 ส่วนอีกคน ถูกจับโดยละม่อม

“ไบเดน” เปิดทำเนียบขาวต้อนรับ “ทรัมป์” ถกถ่ายโอนอำนาจ

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐเปิดห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาวหารือนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดี ซึ่งต่างให้คำมั่นการถ่ายโอนอำนาจจะเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด

“อี้ แทนคุณ” เผยคดีใหม่ “ฟิล์ม” ชวนลงทุนคล้าย forex เสียหายกว่า 60 ล้าน

“อี้ แทนคุณ” เผยคดีใหม่ “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ชักชวนลงทุนในดูไบ คล้าย forex ความเสียหายกว่า 60 ล้านบาท ขณะที่อีกฝ่ายอ้างนำเงินไปลงทุนจริงแต่ขาดทุน

ข่าวแนะนำ

“หนุ่ม กรรชัย” งดเคลียร์ “ฟิล์ม” ย้ำดำเนินคดีถึงที่สุด

“หนุ่ม กรรชัย” ประกาศตัดสัมพันธ์ “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ย้ำดำเนินคดีถึงที่สุด งดเคลียร์ ซัดเป็นคนไร้ศักดิ์ศรี ชี้เรื่องนี้ไม่ต้องเตือน ให้ย้อนไปดูที่บ้านได้สั่งสอนหรือไม่

เริ่มแล้ว ประเพณียี่เป็งหรือลอยกระทงเชียงใหม่

ประเพณียี่เป็ง หรือลอยกระทง จ.เชียงใหม่ ปีนี้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งเต็มไปด้วยแสงสีจากแสงไฟที่ประดับไปทั่วเมือง และความงดงามทางวัฒนธรรมมากมาย ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ท่ามกลางอากาศเย็นสบาย

“จิราพร” สั่งตรวจสอบปมคลิปเสียงอ้างชื่อ-จ่อแจ้งความเอาผิด

“จิราพร สินธุไพร” ยืนยันไม่รู้จักนักร้องเรียนหญิง ที่แอบอ้างว่าเป็นคณะทำงาน ประสานฝ่ายกฎหมายเร่งตรวจสอบคลิปเสียง เพื่อแจ้งความดำเนินคดี

“หนุ่ม กรรชัย” เข้าให้ปากคำปมถูกอ้างชื่อเรียกรับเงินบอส “ดิไอคอน”

“หนุ่ม กรรชัย” เข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบฯ ให้ปากคำกรณีถูกแอบอ้างชื่อเรียกรับเงินผู้บริหาร “ดิไอคอน”