6 ต.ค. – แม้อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร ตอนล่าง อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา จะซ่อมแซมจุดที่พังเสียหายได้แล้ว แต่ผลพวงจากน้ำที่ไหลทะลักออกมายังส่งผลกระทบหนักหลายพื้นที่ ขณะที่อุตุฯ เตือนเตรียมรับมือพายุลูกใหม่
ที่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา รับน้ำจาก 2 สาย คือ ลำน้ำมูล และลำน้ำลำเชียงไกร ไหลทะลักท่วมบ้านเรือนประชาชนตามแนวลุ่มน้ำ ถนนหลายสายถูกตัดขาด น้ำท่วมสูง สัญจรยากลำบาก โดยเฉพาะน้ำจากลำเชียงไกรไหลมารวมกันที่ลำสะแทด ท่วมพื้นที่ 7 หมู่บ้านใน ต.ชีวาน และ ต.กระชอน ระดับน้ำ 50-80 เซนติเมตร ชาวบ้านเดือดร้อนมานานร่วมสัปดาห์ ถนนในหมู่บ้าน เส้นทางสัญจรเข้า-ออก มีน้ำท่วมสูง ถูกตัดขาด รถยนต์สัญจรผ่านไม่ได้ สถานการณ์ยังน่าเป็นห่วง คาดการณ์ว่าจะมีฝนตกลงมาซ้ำ
องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา พร้อมหน่วยทหารกองทัพภาคที่ 2 นำรถบรรทุกและเรือขนสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคแจกจ่ายช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ขณะนี้มีชาวบ้านได้รับผลกระทบ 11 ตำบล 1,720 ครัวเรือน
ขณะที่พื้นที่ด้านท้ายอ่างลำเชียงไกร ตอนล่าง ยังเดือดร้อนหนัก กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชัง บ้านวังม่วง หมู่ 3 ต.ธารปราสาท อ.โนนสูง จำนวน 69 ราย ปลากระชังที่เลี้ยงไว้ในบ่อติดกับลำน้ำ ถูกน้ำไหลหลากท่วมเสียหาย ปลาที่เลี้ยงไว้หลุดออกไปตามกระแสน้ำเกลี้ยงบ่อ
นางแสงเดือน พรมจันทร์ อายุ 60 ปี เกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชังรายหนึ่ง บอกว่า ลงทุน 200,000 บาท เลี้ยงปลานิลในบ่อกระชัง ไม่สามารถจับปลาออกจากกระชังได้ทัน เครื่องสูบน้ำ วัสดุอุปกรณ์ วัตถุดิบทุกอย่างเสียหายทั้งหมด โดยเฉพาะปลานิลที่ใกล้จะได้จับขายสูญหายจนเกลี้ยง มูลค่ากว่า 300,000 บาท แทบหมดตัว ไม่เคยเจอเหตุการณ์น้ำท่วมหนักแบบนี้มาก่อน วอนภาครัฐช่วยเหลือ
แม่น้ำชีสูงต่อเนื่อง เอ่อล้นพื้นที่ลุ่มสองฝั่ง
ที่เขื่อนวังยาง ซึ่งดูแลแม่น้ำชีทั้ง 120 กม. ทั้ง 4 อำเภอของมหาสารคาม ซึ่งรับน้ำแม่น้ำชีจาก จ.ชัยภูมิ และขอนแก่น ประกอบกับเขื่อนอุบลรัตน์ที่ปล่อยน้ำ 20 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ได้ไหลมาถึงเขต จ.มหาสารคาม จนเต็มความจุ ทำให้น้ำในแม่น้ำชีที่มีปริมาณมากเริ่มเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำสองฝั่งแม่น้ำ ในหลายตำบลของ อ.โกสุมพิสัย และกันทรวิชัย ขณะนี้เขื่อนวังยาง ระดับกักเก็บที่ 137 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง แต่ระดับน้ำหน้าเขื่อนอยูที่ 138.40 เมตร สูงกว่าระดับกักเก็บ 1.40 เมตร แขวนบานประตูระบายน้ำทั้ง 6 บาน ปริมาณไหลผ่านวันละ 56.92 ล้าน ลบ.ม./วัน สูงขึ้นจากเมื่อวาน 36 เซนติเมตร เร่งแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง ขณะที่ชลประทานเฝ้าระวังติดตามน้ำตลอด 24 ชั่วโมง
อุตุฯ เตือนเตรียมรับพายุลูกใหม่
นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า กรมอุตุฯ กำลังเฝ้าติดตามแนวโน้มโอกาสเกิดพายุลูกใหม่ ซึ่งขณะนี้พบเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณฝั่งตะวันตกของฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มทวีกำลังแรงก่อตัวเป็นพายุ เคลื่อนที่ไปทางทะเลจีนใต้ และขึ้นเหนือไปทางเกาะไหหลำเข้าสู่บริเวณอ่าวตังเกี่ย ก่อนจะเคลื่อนขึ้นฝั่งที่ประเทศเวียดนามตอนเหนือ คาดช่วงค่ำของวันที่ 10 ตุลาคม ส่งผลให้ประมาณวันที่ 12 – 13 ตลาคม พื้นที่ตอนบนของไทย โดยเฉพาะภาคอีสานตอนบนจะมีฝนตกมากขึ้น
ส่วนพายุจะรุนแรงหรือส่งผลกระทมมากน้อยเพียงใด เนื่องจากเป็นเพียงคาดการณ์ ยังต้องเฝ้าติดตามใกล้ชิด ประกอบกับช่วงดังกล่าวมีอิทธิพลของความกดอากาศสูงที่เคลื่อนปะทะกับพายุ จึงทำให้พายุอ่อนกำลังลง อาจคล้ายกับพายโกนเซินก่อนหน้านี้ ขณะที่ภาพรวมยังมีฝนตกกระจายทั่วทั้งประเทศจากอิทธิพลร่องมรสุม. – สำนักข่าวไทย
