รัฐสภา 7 ก.ค. – สภาฯ รับหลักการร่าง พ.ร.บ.พืชกระท่อม รมว.ยธ.แจงหลักการเพื่อคุ้มครองเกษตรกร-วิถีชุมชน ยืนยันไม่เขียนกฎหมายเอื้อประโยชน์ใคร เตรียมนิรโทษกรรมผู้ต้องคดีค้ากระท่อม 8,000 ราย หลังกฎหมายปลดล็อกพืชกระท่อมมีผลบังคับใช้
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) พืชกระท่อม พ.ศ…. ซึ่งคณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ
โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ชี้แจงหลักการและเหตุผลว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวมีความจำเป็นต่อการกำกับและควบคุมการใช้พืชกระท่อมเท่าที่จำเป็น ไม่ให้บริโภคเกินสมควรที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ทั้งนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวออกมาเพื่อรองรับกับการปลดล็อกพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดประเภท 5 ตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่ 8 ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 24 สิงหาคมนี้ โดยสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.พืชกระท่อม คือ 1. การปลูกพืชกระท่อม นำเข้า และส่งออกเชิงอุตสาหกรรม รวมถึงการขายในระบบอุตสาหกรรมที่มีเกินปริมาณที่กำหนดต้องได้รับอนุญาต 2. กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ขอรับใบอนุญาต เพาะปลูก ขาย นำเข้าและส่งออก พืชกระท่อม และกำหนดหน้าที่ผู้ได้รับใบอนุญาตเพื่อควบคุม กำกับการเพาะปลูก การขาย การนำเข้าและการส่งออก 3. กำหนดมาตรการควบคุมผู้รับใบอนุญาต กรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย จะถูกสั่งพักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาตได้
นายสมศักดิ์ ชี้แจงด้วยว่า 4. กำหนดมาตรการคุ้มครองผู้ที่อาจได้รับอันตรายจากการบริโภคที่มากเกินสมควร 5. กำหนดข้อห้ามเพื่อป้องกันใช้ในทางที่ผิด เช่น ห้ามขายใบกระท่อม น้ำต้มกระท่อม หรืออาหารที่มีส่วนผสมของใบกระท่อม ให้กับผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร, ห้ามขายใบกระท่อม น้ำต้มกระท่อม ในสถานศึกษา หอพัก หรือขายด้วยวิธีที่ไม่สามารถควบคุมดูแลได้ เช่น เครื่องขาย หรือขายโดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ ห้ามบริโภคน้ำต้มที่ผสมกับยาเสพติดให้โทษ วัตถุอันตราย ยกเว้นเพื่อศึกษาวิจัย หรือรักษา 6. แต่งตั้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ควบคุม กำกับการเพาะปลูก นำเข้า ส่งออก เพื่อป้องกันใช้ในทางที่ผิด 7. กำหนดบทลงโทษผู้ฝ่าฝืนเพาะปลูก นำเข้า ส่งออก ขายที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมาย ทั้งนี้ ยืนยันว่า การควบคุมและกำกับการใช้พืชกระท่อมนั้น เพื่อประโยชน์ในทางอุตสาหกรรมและประโยชน์ตามวิถีชุมชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการอภิปรายของ ส.ส. ส่วนใหญ่สนับสนุนและรับหลักการร่างกฎหมายดังกล่าว เพราะเห็นความจำเป็นต่อการกำกับและควบคุม อย่างไรก็ดี มีข้อเสนอแนะให้ปรับปรุงเนื้อหาของร่างกฎหมาย เช่น การควบคุมเมล็ดพันธุ์เพื่อให้คุณภาพในสรรพคุณทางรักษาโรค, นิรโทษกรรมผู้ที่ปลูกกระท่อมอยู่ก่อนที่กฎหมายมีผลบังคับใช้, แก้ไขมาตรการห้ามขายทางอิเล็กทรอนิกส์หรือระบบออนไลน์ เพราะอาจเข้าข่ายเอื้อต่อนายทุน และตัดตอนวิถีชุมชน ที่รวมตัวเป็นวิสาหกิจชุมชนในการใช้ประโยชน์จากพืชกระท่อม
และตอนท้าย นายสมศักดิ์ ชี้แจงประเด็นอภิปรายว่า การออกกฎหมายเพื่อปลดล็อกกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดประเภทที่ 5 หลังติดในกฎหมายกว่า 78 ปี ตนยอมรับว่าไม่สามารถตัดขาดจากกฎหมายได้ 100% เพราะปัจจุบันมีการนำเข้าและลักลอบนำเข้าใบกระท่อม เนื่องจากปริมาณกระท่อมในประเทศมีจำนวนน้อย และกว่าจะทำให้ใบกระท่อมไปสู่ระบบอุตสาหกรรมต้องใช้เวลา 4 ปี
“ผมอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีอีกไม่นาน อาจ 2 ปีกว่าเท่านั้น ไม่มีทางที่จะเอื้อประโยชน์เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง สำหรับการออกกฎหมายพืชกระท่อม 19 มาตรา แต่เมื่อถึงชั้นกฤษฎีกา พบว่ามีบางเนื้อหาขัดรัฐธรรมนูญ เช่น ข้อกำหนดให้ครัวเรือนปลูกต้นกระท่อมได้ไม่เกิน 3 ต้น เพื่อไม่ให้ล้นตลาดและราคาตก แต่พบว่าขัดรัฐธรรมนูญ และทำให้ทำไม่ได้ ดังนั้น ร่าง พ.ร.บ.พืชกระท่อม ไม่จำกัดจำนวนไร่การปลูกสำหรับเกษตร แต่หากจะส่งออกต้องขออนุญาต เพื่อให้เกิดการควบคุมในระบบอุตสหากรรม” นายสมศักดิ์ กล่าว
รมว.ยุติธรรม ชี้แจงด้วยว่า สำหรับบุคคลที่ต้องคดีกระท่อม จากการตรวจสอบพบว่ามี 8,000 ราย ดังนั้น เมื่อ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ปลดล็อกกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติด ในวันที่ 24 สิงหาคมนี้ บุคคลที่ต้องคดีจะพ้นโทษด้วย ความตั้งใจของพวกเราจะดำเนินการต่อไป และหลายเรื่องตนยืนยันว่าทำด้วยใจอย่างแท้จริง
จากนั้นที่ประชุมสภาฯ ได้ลงมติ ผลปรากฏว่า ส.ส.รับหลักการ จำนวน 256 เสียง ไม่รับหลักการ 18 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง และไม่ลงคะแนน 1 เสียง ก่อนจะตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ จำนวน 25 คน เพื่อพิจารณาเนื้อหาต่อไป. – สำนักข่าวไทย