ตำรวจเข้าสลาย “หมู่บ้านทะลุฟ้า” หน้าทำเนียบฯ

กทม. 28 มี.ค.-ตำรวจควบคุมฝูงชนเข้าสลาย “หมู่บ้านทะลุฟ้า” หน้าทำเนียบรัฐบาล ช่วงเช้าตรู่ รวบกว่า 70 คน คาดคุมตัวไปกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนภาค1 ปทุมธานี

เวลาประมาณ 06.00 น. ที่ผ่านมา ตำรวจควบคุมฝูงชนกำลังพล 3 กองร้อยเข้ากระชับพื้นที่บนถนนพระราม 5 หน้าทำเนียบรัฐบาล ที่ตั้งหมู่บ้านทะลุฟ้า พร้อมประกาศขอพื้นที่การจราจรคืน


ผู้ชุมนุมที่อยู่ภายในหมู่บ้านทะลุฟ้าบนถนนพระราม 5 หน้าทำเนียบรัฐบาล เผยแพร่เหตุการณ์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก ขณะที่ตำรวจควบคุมฝูงชนกำลังพล 3 กองร้อย เข้ากระชับขอคืนพื้นที่พร้อมประกาศให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหรือสิ่งกีดขวางเส้นทางการจราจร ออกจากพื้นที่ภายใน 3 นาที ตัวแทนผู้ชุมนุมต่อรองขอเวลาเพิ่มเพราะมีสัมภาระจำนวนมาก ไม่สามารถเคลื่อนย้ายออกไปได้ภายใน 3 นาที แต่ตำรวจไม่ยินยอมและเคลื่อนกำลังพลเข้ากระชับพื้นที่ทันที โดยจัดกำลังพลปิดหัว – ท้าย บน ถนนพระรามที่ 5 เรียบคลองผดุงกรุงเกษม จากเชิงสะพานชมัยมรุเชฐไปจนถึงสะพานอรทัย

ตลอดการปฏิบัติหน้าที่ ตำรวจประกาศให้สื่อมวลชนอยู่หลังแนวกำลังตำรวจ เพื่อให้ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างสะดวก พร้อมทั้งขอให้ผู้ชุมนุมยุติการบันทึกภาพวิดีโอหากต้องการจะพูดคุยเจรจา ก่อนจะประกาศให้ผู้ชุมนุมทุกคน นั่งลงและทะยอยคุมตัวผู้ชุมนุมในพื้นที่ทั้งชายและหญิง ขึ้นรถควบคุมตัวผู้ต้องขังทั้งหมด ซึ่งมีทั้งเยาวชนไปจนถึงผู้สูงอายุ รวมแล้วประมาณ 70 คน เบื้องต้นคาดควบคุมตัวทั้งหมดไปกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนภาค1 ปทุมธานี


ขณะที่ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เข้าตรวจสอบพื้นที่ภายหลังที่ปฏิบัติการขอคืนพื้นที่สำเร็จโดยมีเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด หรืออีโอดี พร้อมตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ เพื่อความปลอดภัยและเก็บรวบรวมพยานหลักฐานในพื้นที่ ก่อนจะเปิดเส้นทางให้ประชาชนสัญจรตามปกติ

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ เปิดเผยผลการตรวจค้นเบื้องต้น พบยาเสพติดเป็นกัญชาและกระท่อมจำนวนหนึ่ง ส่วนปฏิบัติการขอคืนพื้นที่วันนี้ ยืนยันเป็นปฏิบัติการที่ชอบด้วยกฎหมาย ยืนยันไม่ได้มีการเลือกปฏิบัติ เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ภายใต้การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งมีข้อห้ามการชุมนุมอยู่ และที่ผ่านมาได้ประกาศเตือนแล้วหลายครั้ง

สำหรับหมู่บ้านทะลุฟ้า เป็นพื้นที่ของผู้ชุมนุมเคลื่อนไหวเรียกร้อง เพื่อเคลื่อนไหวใน 4 ข้อเรียกร้อง คือขอปล่อยแกนนำราษฎรและแนวร่วมที่ถูกจับกุม, ร่างรัฐธรรมนูญใหม่, ยกเลิกมาตรา 112, และ ขอให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออก โดยปักหลักชุมนุมมาตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง