นครสวรรค์ 23 มี.ค.-ตั้งกรรมการสอบตำรวจ 2 นาย ปมคลิปวัยรุ่นขึ้นไปเต้น-ร้องเพลง ถือขวดเครื่องดื่มมึนเมา บนรถตำรวจ ขณะร่วมขบวนแห่นาคที่ จ.นครสวรรค์
จากรณีโลกสังคมออนไลน์ แชร์คลิปภาพของเพจ “พระจันทร์ ลายกระต่าย” เป็นภาพเหตุการณ์ของวัยรุ่น 8 คน ถือขวดเครื่องดื่มมึนเมาขึ้นไปตะโกนร้องเพลงแล้วกระโดดโลดเต้นโยกย้ายบนหลังท้ายกระบะรถตำรวจอย่างเมามัน ซึ่งภายในคลิปภาพ จะเห็นว่ามีป้ายชื่อโรงพักระบุอยู่ ว่าเป็นรถกระบะตราโล่ของตำรวจ สภ.แม่เปิน อ.แม่เปิน จ.นครสวรรค์ จึงส่งผลทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ความไม่เหมาะสม
เรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง พล.ต.ต.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ ผบก.ภ.จว.นครสวรรค์ ได้รับการเปิดเผยว่า ได้รับหนังสือชี้แจงเป็นการด่วนจาก พ.ต.อ.สมศักดิ์ เขียวอ่อน ผกก.สภ.แม่เปิน เมื่อช่วงเย็นวานนี้ ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 ได้มาขอกำลังเจ้าหน้าที่ให้ช่วยจัดการจราจร และนำขบวนพิธีแห่นาค ซึ่งจะมีพิธีเคลื่อนขบวนออกจากบ้านในพื้นที่ ม.4 ต.แม่เปิน อ.แม่เปิน จ.นครสวรรค์ ในเวลา 12.00 น. เพื่อไปยังตลาดสดประชารัฐหมู่ที่ 5 โดย ส.ต.ท.ภาณุพงศ์ ผาดี ผบ.หมู่ ป. ปฏิบัติหน้าที่จราจร สภ.แม่เปิน และ ส.ต.ต.วัฒนา ปัญญาแดง ผบ.หมู่ ป. สภ.แม่เปิน เป็นพลขับรถยนต์เพื่อนำขบวน
ขณะรถตำรวจได้เคลื่อนนำขบวนรถแห่งานบวชนาคออกจากบ้านงานแล้วพาข้ามถนน มาตั้งขบวนแห่ฝั่งตรงข้าม เพื่อรอรถเครื่องเสียง ซึ่งระหว่างรอ มีกลุ่มวัยรุ่น 2-3 คน มาขอเปิดกระบะท้ายรถเพื่อนั่งรอขบวนรถเครื่องเสียง ส.ต.ต.วัฒนา จึงอนุญาตให้นั่ง แต่ในระหว่างที่รอขบวนมาต่อท้ายอยู่ประมาณ 5 นาที ก็พบว่าพื้นที่ด้านท้ายขบวนไม่พอ ส.ต.ต.วัฒนา จึงขยับรถเดินหน้าไปประมาณ 20 เมตร เพื่อให้ขบวนต่อท้ายมีพื้นที่เหลือ
แต่ขณะที่กำลังเคลื่อนรถ กลุ่มวัยรุ่นที่นั่งอยู่ท้ายกระบะ ต่างลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้นตามที่ปรากฏในคลิป ซึ่ง ส.ต.ต.วัฒนา ได้ระบุว่า ขณะที่กำลังเคลื่อนรถนั้น ไม่สามารถจอด และลงมาว่ากล่าวตักเตือนกลุ่มวัยรุ่นได้ทันที เพราะเห็นว่าไม่ปลอดภัย เนื่องจากยังมีขบวนต่อท้ายที่กำลังข้ามถนนมายังอีกฝั่ง จึงรีบเคลื่อนรถไปยังจุดเหมาะสมก่อนจะลงจากรถมาไล่ และว่ากล่าวตักเตือนกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว แล้วจึงปิดท้ายกระบะรถและนำขบวนแห่นาคต่อไป
ในชั้นนี้ แม้จะมีการทำหนังสือชี้แจงมาแล้ว แต่ต้องมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว และหากพบความผิดหรือพบความบกพร่อง จะดำเนินการตามกฎหมายและทางวินัยต่อไป.-สำนักข่าวไทย