ขอนแก่น 14 มี.ค. – สภ.ชนบท แจงกรณีแม่เหยื่อก้มกราบป้าย สภ.ชนบท เพื่อขอความเป็นธรรม หลังลูกสาวมีอาการทางประสาทโดนลักพาตัวไปถูกล่วงละเมิด แล้วตำรวจไม่รับแจ้งความ เกิดจากความเข้าใจผิด เพราะผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.แวงใหญ่มาก่อนแล้ว และได้เริ่มขั้นตอนดำเนินคดีแล้วด้วย
กรณีมีการแชร์คลิปขณะหญิงรายหนึ่งนอนกราบป้ายโรงพักสถานีตำรวจภูธรชนบท พร้อมระบุข้อความว่า ชาวบ้านในจังหวัดขอนแก่นขอความช่วยเหลือ หลังลูกสาวถูกผู้ชายลักพาตัวไปข่มขืนกระทำอนาจาร เข้าแจ้งความ แต่ตำรวจไม่รับแจ้ง โยนไปให้โรงพักที่อยู่ติดกัน พอไปถึงกลับถูกไล่ให้ไปแจ้งโรงพักที่เดินทางมา สุดท้ายทำอะไรไม่ได้ จึงนอนกราบป้ายโรงพัก ร่ำไห้ร้องขอความยุติธรรม
แม่ของผู้เสียหาย บอกว่า หลังลูกสาววัย 27 ปี มีอาการบกพร่องทางสมอง หายตัวไปเมื่อช่วง 17.00 น. ของวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นเวลา 18.00 น. จึงไปแจ้งความที่ สภ.แวงใหญ่ กรณีลูกหาย ทางตำรวจลงบันทึกประจำวันเอาไว้ และบอกว่าจะติดตามหาลูกให้ ต่อมาหลังจากพบลูกสาว ได้พาไปตรวจร่างกาย แต่เมื่อไปถึงโรงพยาบาลแวงใหญ่ เจ้าหน้าที่บอกว่าต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลชนบท เพราะเกิดเหตุในเขต อ.ชนบท ไม่สามารถข้ามเขตได้ วันต่อมา (13มี.ค.) จึงพาลูกสาวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลชนบท แพทย์บอกว่าจะแจ้งผลในอีก 2 สัปดาห์ จากนั้นได้นำใบตรวจร่างกายเบื้องต้นไปแจ้งความที่ สภ.ชนบท แต่ทางตำรวจไม่รับแจ้งความ บอกให้ไปแจ้งความที่ สภ.แวงใหญ่ อีกทั้งทางตำรวจยังบอกว่า ลูกสาวอายุ 27 ปี บรรลุนิติภาวะแล้ว ส่วนชายที่พาลูกไปนั้นอายุ 39 ปี ในทางคดีต้องเอาอายุ 15 ปีขึ้นไป ถึง 18 ปี จึงจะมีความผิด ซึ่งทางแม่ต้องการให้ดำเนินคดีกับผู้ชายที่ลักพาตัวลูกสาวไปกระทำการอนาจาร อีกทั้งลูกสาวก็ไม่สมประกอบด้วย ทำไมถึงไม่สามารถเอาผิดกับชายที่ก่อเหตุได้ ทางครอบครัวต้องการขอความเป็นธรรม การที่ตำรวจไม่รับแจ้งสร้างความเสียใจให้กับครอบครัวอย่างมาก ไม่รู้จะทำวิธีไหนแล้ว จึงออกมากราบที่หน้าป้ายสถานีตำรวจภูธรชนบท เพื่อขอความยุติธรรมให้กับลูกสาวและครอบครัว
และจากการที่ครอบครัวและญาติผู้เสียหายเข้าพบกับ พ.ต.ท.ศราวุธ แดนสุข สว.(สอบสวน) สภ.ชนบท ตำรวจพยายามอธิบายให้ฟังถึงเหตุผลที่ไม่รับแจ้งความในพื้นที่ว่า เป็นเพราะผู้เสียหายเคยไปแจ้งความไว้ที่ สภ.แวงใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. มาก่อนแล้ว ซึ่งทาง สภ.ชนบท ได้ประสานไปยัง สภ.แวงใหญ่ จึงได้ข้อสรุปว่าทาง สภ.แวงใหญ่ จะทำคดีดังกล่าวให้ แต่ทางครอบครัวและญาติยังไม่มั่นใจ ทางน้าสาวได้ขอดูข้อมูลการโทรของสารวัตว่ามีการโทรไปหาผู้ก่อเหตุหรือไม่ ตำรวจบอกว่าได้โทรจริง แต่ปลายทางไม่รับสาย ซึ่งได้เผลอลบข้อความไปแล้ว ทำให้ญาติผู้เสียหายยิ่งไม่พอใจการทำงานของทางตำรวจ โวยวายเสียงดังกลางโรงพักว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ก่อนที่น้าสาวจะกรีดร้องด้วยความโมโหและเสียใจ ออกจากโรงพักไป และหมดสติลงบนถนนหน้าทางเข้าโรงพักประมาณ 5 นาที ตำรวจต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลชนบท ซึ่งทราบภายหลังว่าอาการทรุดหนักต้องส่งต่อโรงพยาบาลขอนแก่นในเวลาต่อมา
ผู้เสียหายที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ เปิดเผยว่า ชายที่ก่อเหตุ บอกว่าจะพาไปกินข้าว ตนก็ไป แต่ชายคนดังกล่าวกลับพาไปที่บ้านแล้วล่วงละเมิด พอค่ำ ตนเองอยากให้พากลับบ้าน แต่เขาก็บอกว่ามันค่ำแล้ว จึงไม่ได้ไปส่ง กระทั่งตำรวจโทรหาชายดังกล่าว และแม่กับน้าตามมาถูก จึงช่วยพากลับบ้านมาได้
ล่าสุดวันนี้ (14 มี.ค.) พ.ต.อ.ชาญศิลป์ นาสูงชน ผู้กำกับการ สภ.ชนบท ชี้แจงกรณีที่ สภ.ชนบท ไม่รับแจ้งความ และเกรงว่าจะมีการเข้าใจผิดกัน โดยเมื่อวันที่ 12 มีนาคม ครอบครัวผู้เสียหายเข้าแจ้งความว่าลูกสาวหายตัวไป ที่ สภ.แวงใหญ่ ตำรวจลงบันทึกประจำวันไว้ และบอกว่าจะติดตามหาลูกให้ ต่อมาหลังพบลูกสาว ผู้เสียหายก็พาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแวงใหญ่ ในวันที่ 13 มีนาคม ซึ่งทางโรงพยาบาลแวงใหญ่แนะนำให้ไปแจ้งความที่ สภ.ชนบท เพราะเป็นเขตพื้นที่ที่ถูกข่มขืน ทั้งญาติและผู้เสียหายจึงเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.ชนบท และทางเจ้าหน้าที่ก็ส่งตัวผู้เสียหายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลชนบท พร้อมทั้งประสานกับ สภ.แวงใหญ่ เนื่องจากญาติผู้เสียหายเล่าให้ร้อยเวรฟังว่าได้มีการแจ้งความไว้ที่ สภ.แวงใหญ่ มาก่อนแล้ว
ทั้งนี้ สภ.แวงใหญ่ ได้มีการนัดพูดคุยระหว่างคู่กรณีทั้งสองฝ่ายในวันที่ 16 มีนาคมนี้ ซึ่งทางตำรวจก็ได้ชี้แจงกับทางญาติว่าการดำการต่อจากนี้ จะเป็นหน้าที่ของทาง สภ.แวงใหญ่ดำเนินคดีต่อให้ เพราะว่าผู้เสียหายได้แจ้งความที่ สภ.แวงใหญ่ ส่วนเอกสารการตรวจร่างกายทาง สภ.ชนบท ก็ส่งต่อไปให้ที่ สภ.แวงใหญ่แล้ว และมีการดำเนินการตามขั้นตอนเบื้องต้นแล้ว แต่ทางญาติกลับเข้าใจผิดคิดว่าตำรวจไม่รับแจ้งความ. – สำนักข่าวไทย