ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุก 4,355 ปี “ซินแสโชกุน”

กรุงเทพฯ 12 มี.ค. – ศาลอุทธรณ์ยืนคำพิพากษาตามศาลชั้นต้น จำคุก “ซินแสโชกุน” 4,355 ปี ในคดีหลอกกลุ่มคนว่าจะพาไปทัวร์ญี่ปุ่น แต่สุดท้ายกลับลอยแพทิ้งไว้ที่สนามบิน มีผู้เสียหายกว่า 800 คน ส่วนคนอื่นในกลุ่มเพิ่มโทษ โดนคนละ 2,903 ปี


ตั้งแต่ช่วงเช้า ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีชินแสโชกุน โดยอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัท เวลท์เอเวอร์ นางสาวพสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือซินแสโชกุน กรรมการผู้จัดการบริษัท กับพวกอีก 8 คน กรณีหลอกเหยื่อซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริม พร้อมจัดโปรโมชั่นให้ลูกทีมเที่ยวญี่ปุ่นมีผู้เสียหาย 871 คน ถูกทิ้งลอยแพที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อปี 2560 ซึ่งทัณฑสถานหญิงกลาง บางเขน ได้คุมตัวซินแสโชกุนมารับฟังคำตัดสินที่ศาล

คดีนี้เริ่มต้นจากการที่ซินแสโชกุนได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ทั้งที่รู้ว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีแหล่งผลิตในต่างประเทศ และมีผู้อื่นนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยยังไม่ได้เสียภาษี จากนั้นได้สมคบกันเป็นซ่องโจร ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน แสดงข้อความอันเป็นเท็จ โฆษณาชักชวนประชาชนทั่วไปผ่านเพจเฟซบุ๊ก “WealthEver For Life” ผ่านเว็บไซต์ยูทูบและแอปไลน์ เชิญชวนให้คนสมัครสมัครสมาชิก และร่วมลงทุน โดยอ้างจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนสูง และมีการจัดโปรแกรมท่องเที่ยวให้สมาชิกเดินทางไปเมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 10-15 เมษายน 2560 และ 11-16 เมษายน 2560 แต่สุดท้ายกลับทิ้งลอยแพ แต่ไม่ล่องหน อ้างไม่โกหก แต่ติดปัญหา แต่หลักฐานมัดแน่น ทำให้มีการสืบจนถูกจับกุม


ทั้งนี้ เมื่อถูกจับกุม ศาลชั้นต้นสั่งจำคุกซินแสโชกุน 871 กระทง กระทงละ 5 ปี รวม 4,355 ปี และให้ปรับบริษัท เวลท์เอเวอร์ 435,500,000 บาท แต่เมื่อโทษทุกกระทงแล้วตามประมวลกฎหมายอาญาให้จำคุกจำเลยได้สูงสุดได้เพียงคนละ 20 ปี ส่วนจำเลยอื่นรับโทษลดหลั่นกันไป และมี 6 คน ได้รับการยกฟ้อง

ต่อมาซินแสโชกุนยื่นอุทธรณ์สู้คดี ซึ่งวันนี้ศาลพิจารณาแล้วว่าคำอุทธรณ์ไม่สามารถหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ พิพากษาลงโทษจำคุกซินแสโชกุนตามเดิม คือ 4,355 ปี พร้อมพิพากษาแก้ให้พวกอีก 4 คน ที่ช่วยเหลือในการกระทำผิด โดยสนับสนุนให้เกิดการกู้ยืมเงิน ฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันสนับสนุนนำเข้าข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ สั่งลงโทษบทหนักสุด คือให้จำคุก 2,903 ปี 4 เดือน แต่เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวโทษให้จำคุกสูงสุดคนละ 20 ปีเช่นกัน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์

เร่งล่าฆาตกรโหดตัดนิ้วชิงทรัพย์หญิงวัย 67 ทิ้งศพกลางสวนปาล์ม

ตำรวจเร่งล่าฆาตกรโหดฆ่าตัดนิ้วหญิงวัย 67 ปี ชิงทรัพย์ ก่อนทิ้งศพกลางสวนปาล์ม อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ชาวบ้านเผยพบรถเก๋งต้องสงสัยสีขาววิ่งเข้าไปในจุดพบศพ

จับนายก อบต.นาบัว

คอมมานโดบุกจับนายก อบต.นาบัว-พวก รวม 16 คน

คอมมานโดกองปราบฯ บุกจับฟ้าผ่า! นายก อบต.นาบัว อ.นครไทย ประธาน “ธนาคารหมู่บ้าน” พร้อมพวก รวม 16 คน ฐานร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันกู้ยืมเงิน มูลค่าความเสียหายนับร้อยล้านบาท

New Zealanders march towards Wellington to protest Indigenous treaty bill

ชาวเมารีเต้นฮากาประท้วงร่าง กม.นิวซีแลนด์

เวลลิงตัน 15 พ.ย.- ผู้คนในหลายเมืองทั่วนิวซีแลนด์เข้าร่วมการเดินขบวนมุ่งหน้าไปยังกรุงเวลลิงตัน เพื่อประท้วงร่างกฎหมายลิดรอนสิทธิของชนพื้นเมือง โดยมีการเต้นฮากาที่เป็นวัฒนธรรมของชาวเมารีในระหว่างการประท้วงด้วย รัฐสภานิวซีแลนด์ผ่านความเห็นชอบในเบื้องต้นเมื่อวานนี้ เรื่องการตีความใหม่สนธิสัญญาอายุ 184 ปี ที่มกุฎราชกุมารอังกฤษกับหัวหน้าชาวเมารีมากกว่า 500 คนลงนามในปี พ.ศ.2383 กำหนดเรื่องการปกครองนิวซีแลนด์ร่วมกัน ซึ่งเป็นแนวทางในการออกกฎหมายและนโยบายของประเทศมาจนถึงปัจจุบัน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เกิดการชุมนุมประท้วงตามเมืองต่าง ๆ ทั่วนิวซีแลนด์ โดยมีการจัดเดินขบวนเป็นเวลา 9 วันมุ่งไปยังกรุงเวลลิงตัน คาดว่าขบวนจะถึงเมืองหลวงในวันที่ 19 พฤศจิกายน ตำรวจแถลงวันนี้ว่า มีคนประมาณ 10,000 คน เข้าร่วมการเดินขบวนในเมืองโรโตรัว ห่างจากกรุงเวลลิงตันไปทางเหนือราว 450 กิโลเมตร ผู้ประท้วงแต่งกายในชุดชนพื้นเมือง มีการเต้นฮากาที่เป็นวัฒนธรรมของชาวเมารี โดยได้รับการต้อนรับจากคนจำนวนมากที่มาโบกธงเมารีและร่วมร้องเพลง.-814.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ลิงลพบุรีแหกกรง กว่า 200 ตัว จ่าฝูงนำทีมบุกโรงพัก

ลิงลพบุรีกรงแตก เพ่นพ่านกว่า 200 ตัว จ่าฝูงนำทีมบุกโรงพักท่าหิน ตำรวจปิดประตูหน้าต่างวุ่น ล่าสุดกลับมากินอาหารในกรงแล้วกว่า 100 ตัว กรมอุทยานฯ เร่งลุยจับ คาดใช้เวลา 2-3 วัน

มนุษย์ ภัยคุกคามพะยูน ?

ช่วงนี้พบพะยูนในทะเลฝั่งอันดามันตายเพิ่มขึ้นแบบถี่ยิบ จนน่าเป็นห่วงว่าพะยูนอาจสูญพันธุ์ไปในอนาคต โดยเฉพาะล่าสุดเมื่อมีการพบพะยูนตายในทะเลภูเก็ต อยู่ในสภาพถูกตัดหัว คาดนักล่าหวังเอาเขี้ยว

typhoon Man-Yi barrels through the Philippines

ซูเปอร์ไต้ฝุ่น “หม่านหยี่” เข้าฟิลิปปินส์

มะนิลา 17 พ.ย.- ซูเปอร์ไต้ฝุ่นหม่านหยี่ พัดเข้าเกาะลูซอนที่เป็นเกาะหลักและมีประชากรอยู่หนาแน่นที่สุดของฟิลิปปินส์แล้วในวันนี้ เสี่ยงทำให้เกิดฝนตกหนักในกรุงมะนิลาที่เป็นเมืองหลวง หม่านหยี่ เป็นภาษาจีนกวางตุ้ง เป็นชื่อของอ่างเก็บน้ำในฮ่องกง นับเป็นพายุลูกที่ 6 ที่พัดเข้าฟิลิปปินส์ในรอบ 1 เดือน มีความเร็วลม 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อ่อนกำลังลงเล็กน้อยหลังจากขึ้นฝั่งเมืองปางานีบัน จังหวัดคาตันดัวเนส ที่เป็นเกาะขนาดเล็ก เมื่อคืนวันเสาร์ ข้ามมาจนถึงจังหวัดคามารีเนส นอร์เต บนเกาะลูซอน ในเช้าวันนี้ ไต้ฝุ่นลูกนี้มีแนวโน้มจะทำให้เกิดฝนตกหนักทั่วเขตมหานครมะนิลา ซึ่งมีการอพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงแล้วกว่า 1 ล้านคน แต่ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต แม้ว่ากระแสลมแรงได้สร้างความเสียหายให้แก่สิ่งปลูกสร้างในจังหวัดคาตันดัวเนสก็ตาม.-820(814).-สำนักข่าวไทย

ดอยอินทนนท์คึกคักรับลมหนาว สัมผัสหมอกหนายามเช้า

นักท่องเที่ยวแห่ขึ้นดอยอินทนนท์รับลมหนาว สัมผัสหมอกหนายามเช้าวันหยุด หลายคนบอกไม่ผิดหวัง เพราะพระอาทิตย์สาดแสงเป็นประกายประทับใจ