ทำแผนแทงกันตาย ซ.รามอินทรา 31

กทม. 5 มี.ค.- คุม 2 ผู้ต้องหาก่อเหตุแทงคู่กรณีเสียชีวิตเมื่อวานนี้ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ สาเหตุจากขัดแย้งเรื่องซื้อขายยา


พนักงานสอบสวน สน.บางเขน คุมตัวนายเมธัส หรือโล่ บุญโยดม อายุ 21 ปี และเยาวชนชาย อายุ 18 ปี  ซึ่งก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทงนายจิรเวช มาตุเวช อายุ 25 ปี เสียชีวิตในซอยรามอินทรา 31 ถนนรามอินทรา เขตบางเขน เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (4 มี.ค.) ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

จุดแรกบริเวณห้องน้ำด้านหลังห้างสรรพสินค้า ที่ฝ่ายผู้ต้องหาทั้งสองคน เข้าไปพบกับฝ่ายผู้เสียชีวิต  ก่อนจะใช้มีดไล่แทงบริเวณด้านหน้าห้องน้ำ และขับขี่รถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ด้านหน้าห้างฯหลบหนีไป ส่วนนายจิรเวช ที่ถูกแทงได้วิ่งหนีไปและเสียชีวิตที่ซอยไม่ห่างจากจุดเกิดเหตุ


พันตำรวจโทสราวุธ บุตรดี รองผู้กำกับสอบสวน สน.บางเขน  ระบุว่า  จากการสอบสวน ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายจิรเวช กับเพื่อนรวม 3 คน ขับรถยนต์มาที่ห้างสรรพสินค้า เนื่องจากนัดเจอกับ กลุ่มผู้เหตุ เพราะติดต่อซื้อขายสินค้าบางอย่าง คาดว่าเป็นยาประเภทวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท แต่ตกลงกันไม่ได้ จึงไล่ทำร้าย โดยผู้ก่อเหตุอ้างว่า ถูกกลุ่มผู้เสียชีวิตใช้ปืนขู่จะยิงก่อน จึงป้องกันตัว

ขณะเดียวกันตำรวจได้เชิญตัวเพื่อนของผู้เสียชีวิตที่อยู่ในวันเกิดเหตุมาให้ปากคำแล้ว 1 คน ยังเหลืออีก 1 คน ซึ่งเป็นบุคคลที่ผู้ก่อเหตุอ้างว่าใช้ปืนข่มขู่  เบื้องต้นคำให้การของผู้ก่อเหตุสอดคล้องกับหลักฐาน ซองปืน ที่พบในรถขอผู้เสียชีวิต หลังสอบปากคำตำรวจจึงคุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดเกิดเหตุ

จากนั้นตำรวจจะเร่งสอบปากคำให้ชัดเจนถึงปมการก่อเหตุ ว่าเกี่ยวข้องกับวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทที่พบของกลางอยู่ในกระเป๋าของผู้เสียชีวิตหรือไม่ ซึ่งหากพบความเชื่อมโยงก็จะต้องแจ้งข้อหาเพิ่ม ฐานครอบครองวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท 


เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาทั้งสองคนร่วมกันทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย  และจะนำไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดาในวันพรุ่งนี้

ขณะที่โรงพยาบาลภูมิพล แม่ของนายจิรเวช ได้ติดต่อขอรับศพลูกชายไปประกอบพิธีทางศาสนา ที่วัด ในจังหวัดปทุมธานี  โดยเล่าให้ฟังว่า เมื่อวานก่อนเกิดเหตุลูกชายบอกว่าจะไปทำธุระกับเพื่อน กระทั่งมีคนโทรมาแจ้งว่าลูกชายถูกแทงเสียชีวิต ส่วนชนวนเหตุตนเองไม่ทราบว่าเป็นปมขัดแย้งในเรื่องของสิ่งเสพติดหรือไม่ แต่โดยส่วนตัวตอนที่อยู่บ้านเคยเห็นลูกกินน้ำกระท่อม และเสพสี่คูณร้อย จึงได้ว่ากล่าวตักเตือนไป โดยก่อนหน้านี้ลูกชายประกอบอาชีพเป็นพนักงานส่งของและเอกสาร แต่ช่วงหลังตกงาน จึงอาศัยอยู่ที่บ้านอย่างเดียว ซึ่งเตรียมตัวที่จะไปทำงานกับพ่อ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น