อุทธรณ์จำคุก “อดีตพระพรหมดิลก” คดีทุจริตงบ พศ.

กทม.2 มี.ค.- ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำคุกอดีตพระพรหมดิลก คดีทุจริตงบ พศ. เป็นเวลา 8 เดือน ปรับ 8,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา เป็นเวลา 1 ปี

พระมหาเอื้อน หาสธัมโม หรือ อดีตพระพรหมดิลก อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา และอดีตกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) เดินทางมารับฟังคำพิพากษา ในคดีที่อัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ฐานร่วมกันสนับสนุน เจ้าพนักงานให้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้เกิดความเสียหาย แก่ผู้หนึ่งผู้ใดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีรับเงินสนับสนุนโรงเรียนปริยัติธรรม แผนกการศึกษา ของ สำนักงานพระพุทธศาสนา จำนวน 5 ล้านบาท จาก อดีต ผู้อำนวยการ สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ ไปใช้จ่ายในการก่อสร้างอาคารร่มธรรม และ อาคารที่พักสงฆ์ วัดสามพระยา ทั้งที่ภายในวัด ไม่มีโรงเรียนปริยัติธรรม โดยมีการโอนเงิน รวมทั้งสิ้น 2 ครั้ง วันที่ 7 มกราคม 2557 และ 14 มกราคม 2557 รวมกว่า 3 ล้าน 5 แสนบาท


สำหรับคดีนี้ ศาลชั้นต้น มีพิพากษา เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2563 ว่า จำเลย มีความผิดลงโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 12,000 บาท ก่อนลดโทษ 1 ใน 3 เหลือโทษ จำคุก 8 เดือน ปรับ 8,000 บาท และให้รอลงอาญาเป็นเวลา 1 ปี

โดยวันนี้ ศาลอุทธรณ์คดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้เหตุผลสรุปว่า จำเลยเป็นพระผู้ใหญ่สามารถตรวจสอบที่มาของงบประมาณได้ไม่ยาก ไม่เชื่อว่าจะไม่รู้ว่าเงินดังกล่าวมีที่มาไม่สุจริต


ขณะที่นายอรรณพ บุญสว่าง ทนายความ ระบุว่า คดีนี้แม้ในทางกฎหมาย ของศาลอุทธรณ์คดีทุจริต จะถือว่าคดีถึงที่สุด แต่จะมีการยื่นเรื่องขออนุญาตฎีกาต่อไปขณะเดียวกัน จะรอลุ้นคำพิพากษาของศาลแพ่งที่ได้ยื่นคำร้องขอให้คืนเงินบัญชีส่วนตัวของอดีตพระพรหมดิลก จำนวน 1.6 ล้านบาท ที่ศาลแพ่งมีคำสั่งให้ยึดเป็นของแผ่นดิน เนื่องจากคดีฟอกเงิน มีการยกฟ้องในชั้นศาลอุทธรณ์ และถือว่าคดีถึงที่สุดแล้ว ส่วนกรณีการที่อดีตพระพรหมดิลกยัง ครองสมณเพศอยู่นั้น ย้ำว่าอดีตพระพรหมดิลกยังไม่เคยเปล่งวาจาสึก ซึ่งขณะอยู่ในชั้นจับกุมคุมขังก็ยังคงปฏิบัติตามแบบสมณเพศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อดีตพระพรหมดิลก ตกเป็นผู้ต้องหาที่เกี่ยวเนื่องกับคดีเงินทอนวัด รวม 3 คดี คือ คดีเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ป.อาญา ม.157 ที่กำลังอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันนี / คดีร่วมกันฟอกเงิน ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อปี 2562 ว่ามีความผิดลงโทษจำคุก 6 ปี ขณะที่ศาลอุทธรณ์ พิพากษายกฟ้อง ปี 2563 สรุปความว่าจำเลยไม่รู้ว่าเป็นเงินที่ไม่มีสิทธิ์ได้รับจึงขาดเจตนา และคดีแพ่ง ฐานร่วมกันฟอกเงิน ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด ให้ยึดเงินในบัญชีเงินฝากส่วนตัวของพระพรหมดิลก รวม 1.7 ล้านบาท เมื่อ กันยายน ปี 2563

ส่วนที่อดีตพระพรหมดิลก กลับมาห่มจีวรเป็นสงฆ์ในวันนี้นั้น ยังมีข้อถกเถียงว่า กลับมาบวชเป็นสงฆ์แล้วได้หรือไม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ถูกคุมขังในเรือนจำ และถูกบังคับให้ลาสิกขาแล้ว -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง