สั่งทุกจังหวัดเข้มคัดกรองเดินทางข้ามจังหวัด

กระทรวงมหาดไทย 7 ม.ค.-ปลัด มท.สั่งทุกจังหวัดดำเนินมาตรการเข้มตรวจคัดกรองการเดินทางข้ามจังหวัด ใช้ “หอกระจายข่าว” สร้างการรับรู้ประชาชนให้ทั่วถึง กำชับเจ้าหน้าที่ทุกระดับปฏิบัติงานถูกต้อง โปร่งใส สกัดโควิด-19


นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการ ออกหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้ว่าราชการจังหวัด เปิดเผยว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ออกข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 17) ลงวันที่ 6 มกราคม 2564 ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการยกระดับการบังคับใช้มาตรการป้องกันโรค การยกระดับพื้นที่ควบคุมสูงสุดที่จำเป็นต้องมีมาตรการเข้มงวดอย่างยิ่ง และการปราบปรามและลงโทษผู้กระทำผิดอันเป็นเหตุให้เกิดการระบาดของโรค

“เพื่อให้การตรวจคัดกรองการเดินทางข้ามจังหวัดเป็นไปตามข้อกำหนดฯ รวมทั้งมาตรการที่ศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) กำหนด จึงสั่งการผู้ว่าราชการทุกจังหวัดจัดตั้งจุดตรวจ ด่านตรวจในเส้นทางคมนาคมที่เป็นเส้นทางหลักในพื้นที่รอยต่อระหว่างจังหวัด โดยใช้อำนาจในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดบูรณาการและประสานการปฏิบัติกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและตำรวจ และในการจัดตั้งจุดตรวจ ด่านตรวจในเส้นทางคมนาคมที่เป็นเส้นทางรอง ให้มอบหมายนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บูรณาการทุกภาคส่วนจัดตั้งจุดตรวจคัดกรองในเส้นทางรองตามความจำเป็นและเหมาะสม และให้ประชาสัมพันธ์ทุกช่องทางโดยเฉพาะอย่างยิ่งให้นายอำเภอประชาสัมพันธ์ผ่าน “หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน” ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อขอความร่วมมือประชาชนงดหรือชะลอการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัด เว้นแต่กรณีมีเหตุจำเป็น ต้องแสดงเหตุผลและหลักฐานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และเข้ารับการตรวจคัดกรองและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนดอันอาจทำให้ไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทางและทำให้ต้องใช้ระยะเวลาการเดินทางมากกว่าปกติ” ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าว


นายฉัตรชัย กล่าวว่า ด้านการตรวจคัดกรองการเดินทางข้ามจังหวัด กรณีเดินทางออกนอกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 5 จังหวัด (จังหวัดจันทบุรี ชลบุรี ตราด ระยอง และสมุทรสาคร) เน้นการตรวจคัดกรองใน 5 ประเด็น คือ 1) ตรวจวัดอุณหภูมิและสังเกตอาการผู้เดินทาง 2) สอบถามเหตุผลความจำเป็นและสถานที่ปลายทางจากผู้เดินทางให้ชัดเจน 3) ตรวจสอบการติดตั้งและใช้ระบบแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” ของผู้เดินทาง 4) ตรวจสอบเอกสารการรับรองความจำเป็น/การปฏิบัติหน้าที่/การติดต่อราชการ 5) บันทึกข้อมูลผู้เดินทาง กรณีเดินทางออกนอกพื้นที่ควบคุมสูงสุด 23 จังหวัด เน้นการตรวจคัดกรองใน 4 ประเด็น คือ 1) ตรวจวัดอุณหภูมิและสังเกตอาการผู้เดินทาง 2) สอบถามเหตุผลความจำเป็นและสถานที่ปลายทางจากผู้เดินทางให้ชัดเจน 3) ตรวจสอบการติดตั้งและใช้ระบบแอพพลิเคชั่น “หมอชนะ” ของผู้เดินทาง 4) บันทึกข้อมูลผู้เดินทาง กรณีเดินทางออกนอกพื้นที่ควบคุมและเฝ้าระวังสูง 49 จังหวัด เน้นการตรวจคัดกรองใน 2 ประเด็น คือ ตรวจวัดอุณหภูมิและสังเกตอาการผู้เดินทาง และสอบถามเหตุผลความจำเป็นและสถานที่ปลายทางจากผู้เดินทางให้ชัดเจน

“สำหรับแนวปฏิบัติผู้ประสงค์จะเดินทางออกนอกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด สามารถปฏิบัติ ดังนี้ 1) ผู้ประสงค์จะเดินทางทั่วไปให้แสดง “เอกสารรับรองความจำเป็น” โดยยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในพื้นที่ ได้แก่ นายอำเภอ ปลัดอำเภอ หรือข้าราชการที่นายอำเภอมอบหมาย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน 2) ผู้ที่ประสงค์จะเดินทางปฏิบัติหน้าที่ ผู้ขนส่งสินค้าเพื่อประโยชน์และการดำรงชีวิตของประชาชน และสินค้าเพื่อการนำเข้าหรือส่งออก ผู้ปฏิบัติงานในกิจการกิจกรรมเพื่อประโยชน์ด้านสาธารณูปโภค ผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ การธนาคาร การศึกษา การขนส่งประชาชน บุคคลไปสู่ที่เอกทศเพื่อกักกันตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งต่าง ๆ ของทางราชการ ให้แสดง “เอกสารรับรองการปฏิบัติหน้าที่” โดยยื่นคำขอต่อผู้ประกอบการ นายจ้าง บริษัท หัวหน้าหน่วยงานของรัฐ แล้วแต่กรณี และ 3) บุคคลที่มีความจำเป็นต้องติดต่อราชการ ให้แสดง “เอกสารรับรองการติดต่อราชการ” ซึ่งออกโดยหัวหน้าส่วนราชการหรือหน่วยงานที่บุคคลได้ไปติดต่อราชการ ทั้งนี้ ในกรณีบุคคลซึ่งมีความจำเป็นเร่งด่วน หากมีความล่าช้าอาจจะเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตหรือเกิดความเสียหายร้ายแรง ให้มีการบันทึกข้อมูลการปฏิบัติไว้เป็นหลักฐาน” ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าว

นายฉัตรชัย กล่าวว่า ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกำชับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกระดับปฏิบัติงานด้วยความถูกต้อง โปร่งใส โดยมุ่งหวังผลต่อการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคเป็นสำคัญ.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สั่งย้ายครูแบทแมน

สั่งเด้ง “ครูแบทแมน” ถ่ายคลิปไม่เหมาะสมในโรงเรียน

กัน จอมพลัง บุก ก.ศึกษาธิการ ร้องเอาผิดครูชายสวมหน้ากากแบทแมน ถ่ายคลิปไม่เหมาะสมในโรงเรียน จ.อุทัยธานี ล่าสุดสั่งย้าย “ผอ.โรงเรียน-ครูแบทแมน” เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ด้าน “สส.ชาดา-กัน จอมพลัง” ลงพื้นที่ ขีดเส้นตายสอบเอาผิด

แม่อดีตครูสาว ยังติดใจสาเหตุ หลังพบศพในรถลานจอด รพ.

“น้องกิ๊ฟ” อดีตครูหายตัวไปเกือบ 1 เดือน พบอีกทีเป็นร่างไร้วิญญาณในรถยนต์บนลานจอดของโรงพยาบาล ญาติยังติดใจสาเหตุวอนตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด ไขข้อสงสัย

สั่งจำคุก “อัจฉริยะ” 2 เดือน ไม่รอลงอาญา คดีละเมิดอำนาจศาล

ศาลอาญาสั่งจำคุก “อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” 2 เดือน ไม่รอลงอาญา ฐานละเมิดอำนาจศาล เผยแพร่เอกสารสรุปย่อคำพิพากษาต่อสื่อมวลชนโดยไม่ได้รับอนุญาต

ข่าวแนะนำ

เคลื่อน 18 ศพเหยื่อบัสมรณะ ถึงบ้านเกิด ญาติร่ำไห้อาลัย

เจ้าหน้าที่กู้ภัยเคลื่อนร่างผู้เสียชีวิต 18 ราย จากเหตุรถบัสพลิกคว่ำ ถึงวัดป่าวิเวกธรรมคุณ อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของญาติที่รอรับศพ

สำรวจจุดเกิดเหตุรถบัสมรณะ 18 ศพ

ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุรถบัสมรณะ 18 ศพ พบว่ารถคันดังกล่าวฝ่าฝืนคำสั่งไม่ยอมจอดพักรถและลงชื่อก่อนจุดเกิดเหตุ 1 กิโลเมตร ทำให้รถเกิดเบรกแตกไหลลงเขาจนเกิดโศกนาฏกรรม

นายกฯ เรียก “รมต.จิราพร-ผบ.ตร.” ถกปราบบุหรี่ไฟฟ้า

“แพทองธาร” นายกฯ เรียก “รมต.จิราพร-ผบ.ตร.” ประชุมปราบปราม “บุหรี่ไฟฟ้า” ขีดเส้น 30 วัน ดำเนินการให้เด็ดขาด สั่งเข้มห้ามขายใกล้สถานศึกษา ต้องจัดการผู้นำเข้า

รถบัสดูงานคว่ำ

เร่งหาสาเหตุรถบัสคณะดูงานบึงกาฬ พลิกคว่ำทางลงเขาศาลปู่โทน

เจ้าหน้าที่เร่งกู้ซากรถบัสคณะดูงานเทศบาลบึงกาฬ เสียหลักพลิกคว่ำบริเวณทางลงเขาศาลปู่โทน จ.ปราจีนบุรี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 18 คน บาดเจ็บอีกจำนวนมาก พร้อมเร่งหาสาเหตุของอุบัติเหตุ หลังมีรายงานว่าตอนลงเขารถบัสใช้ความเร็วเกิน 100 กม./ชม.